เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

นั่นแหละค่ะ เผื่อข้อมูลเหล่านี้จะไปถึงพวกเขาให้ได้รับรู้ว่า ถ้าสังคมโลกเป็นเช่นนี้ต่อไป!! ดังที่ข่าวทั่วโลกอยู่นี้ โลกจะเป็นเช่นไร?

ใคร! ที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง พระผู้เป็นเจ้ามีจริง ขอให้รู้ไว้ว่า "ฟ้ามีตา" พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเคารพบูชา และอ้างสิทธิอันไม่ชอบธรรมในการทำลายเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกัน กำลังจะกลับมาลงโทษพวกเขาอยู่ ขอให้รู้ไว้ว่า.....

หายนะของโลก อันทีส่วนที่เกิดมาจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกันนั้น ล้วนมาจากส่วนหนึ่งของพวกเขาเป็นส่วนสำคัญ

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์ เป็นบทเรียนโลกที่มนุษย์พากันล้มเหลว การเป็นหนึ่งเดียวของโลก เป็นภาระหน้าที่หลักที่มนุษย์บกพร่อง มนุษย์มีการแบ่งแยกกัน แสวงหาความมีอำนาจเหนือกันขึ้นมากเรื่อย ๆ พากันเข่นฆ่าทำลายล้างกันอย่างรุนแรงขึ้นด้วยอาวุธวิทยาศาสตร์ที่ร้ายแรง ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีจริง จิตสำนึกต่ำลงอย่างน่าใจหาย

มนุษย์ผู้มีใจบาป และสร้างกรรมชั่วสถานหนักทั่วโลกซึ่งทำตนอยู่เหนือธรรมชาติ และเป็นอุปสรรคผู้มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ พร้อมด้วยวัตถุธาตุและเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นจะถูกชำระออกไปจากระบบโลกอย่างราบคาบ พร้อมกับจิตวิญญาณผู้เสียสละอีกจำนวนหนึ่ง

วันเวลาที่ 11-11 คือเวลาบนโลกมนุษย์ที่กำลังนับถอยหลัง เพื่อนำมนุษย์ทุกคนบนดาวโลกเข้าสู่สถานการณ์ เพื่อการชำระระบบโลกของจักรวาล ซึ่งได้สื่อเป็นข่าวสารมาตั้งแต่ต้น

มนุษย์โลกไม่รู้หรอกว่า คำพิพากษาเพื่อการชำระโลกที่มนุษย์ทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย มันจะสร้างความตื่นกลัวให้เกิดขึ้นภายในจิตใจแต่ละคน มากยิ่งกว่าครั้งใด ๆ ในอดีตชั่วชีวิตนี้ที่ต่างเผชิญกันมาแล้ว เพราะมันไม่ใช่เหตุการณ์ทางธรรมชาติที่รุนแรงตามปกติ ที่มีนมีมันเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจักรวาลครั้งสำคัญ เพื่อจัดองค์กรแห่งดาวเคราะห์โลกให้เกิดความสมดุลครั้งใหญ่ เพื่อการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่งที่ลงตัวภายในกาแล๊กซีทางช้างเผือกนี้ต่อไป

ไม่ว่ากรรมที่มนุษย์ก่อขึ้นกับตนเองหรือผู้อื่น และต่อกายภาพโลก ถึงบัดนี้มันนำดาวเคราะห์โลกมาถึงจุดวิกฤติร้ายแรงที่จักรวาลผู้ดูแลระบบโลกและพระผู้สร้างไม่อาจละเลยให้เกิดการเสียสมดุลของระบบใหญ่ได้อีกต่อไปแล้ว

การชำระระบบโลกทั้งระบบให้คืนสู่ความสมดุลดังเดิมในระดับความสมดุลที่สูงขึ้นกว่ายุคพลังงานเก่า จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จำต้องกระทำ แม้จะมีความรักต่อมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยมก็ไม่อาจละเว้นทอดเวลาให้ยืดยาวต่อไปอีกได้แล้ว

มนุษย์ที่รัก ความรู้ที่กล่าวใหม่ที่กล่าวมาข้างต้นนั่น เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่าที่จะพอสร้างสติทุกคนมาด้วยความรักอย่างแท้จริงเท่านั้น ทุกอย่างล้วนเป็นความจริงไม่ใช่มายา เพียงเพื่ออยากจะบอกทุกคนว่า จงรีบเร่งกระทำความดีงามกันเสียตั้งแต่บัดนี้ เนื่องจากเวลาชำระโลกนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว แต่ทุกคนยังสามารถปรับเปลี่ยนจิตสำนึกตนเองให้หันมาสู่หนทางที่ถูกต้องคือการกระทำความดีงามต่อกัน มีความรักมอบให้แก่กันและกัน ตามแนวทางของสัจธรรมที่แต่ละศาสนามอบให้

ความดีงามจากการกระทำด้วยจิตสำนึกแท้จริงของตนเท่านั้น จึงจะช่วยให้มนุษย์เองพ้นเคราะห์ภันอันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ให้ก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ที่จะมาถึง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทางกายภาพที่จะเกิดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ พร้อม ๆ กับการสูญหายไปของผืนแผ่นดิน 1 ใน 3 ส่วนจากปัจจุบันที่ดำรงอยู่ และทิศเหนือของเข็มทิศจะเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากตำแหน่วเดิมอีก 3 องศา โดยประมาณ

มนุษย์ที่รัก แม้มนุษย์พร้อมแล้วนับตั้งแต่บัดนี้ที่จะเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกตนเอง ขณะภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาหา แต่มนุษย์จงรู้ว่าวันเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติบนแผ่นดินที่กำหนดไว้หลายแห่งแล้ว มันไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้อีกแล้ว

ความกลัวตายอย่างมีสติเท่านั้น เมื่อมีภัยเกิดขึ้นใกล้ตัว จึงจะช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้

มนุษย์ที่ไม่ประมาทย่อมเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าได้ การเตรียมพร้อมของมนุษย์ ไม่ใช่หมายถึงการเตรียมมองหาสถานที่ที่คิดว่าเหมาะสมกว่าที่อยู่ในปัจจุบัน เพราะนั่นคือความขี้ขลาด ไม่ใช่ความกลัวตายอย่างแท้จริง

ความขี้ขลาด หมายถึง ความไม่กล้าหาญ ไม่กล้าต่อสู้ ไม่กล้าเผชิญ

ความกลัวตาย หมายถึง การรักตนเอง การกลัวพ่อแม่ บุตรหลาน สามีภรรยา และญาติพี่น้อง หรือเพื่อนร่วมโลกต้องตาย จึงหมายถึง การแสดงความรักแท้จริงจากใจมอบให้แก่บุคคลเหล่านี้ต่างหาก

ความขี้ขลาดกับการกลัวตายจึงต่างกัน เพราะด้วยเหตุนี้

ภัยพิบัติบนโลกที่จะเกิดขึ้น คือ บทเรียนแห่งความกลัวตายสำหรับมนุษย์ ที่จักรวาลต้องการกระตุ้นให้มนุษย์เข้าถึงการสั่นสะเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง เพื่อให้มนุษย์รู้จักปลดปล่อยพลังงานความรักมอบให้แก่บุคคลอื่นได้ เนื่องจากมองเห็นว่าไม่มีวิธีใดที่จะกระตุ้นให้แต่ละคนนำมันออกมามอบให้แก่กันและกัน เพื่อเหนี่ยวรั้งกันไว้เป็นหนึ่งเดียวกันได้เหมาะสมกว่าวิธีนี้อีกแล้ว จักรวาลพบว่านับแต่เกิดมาจนบัดนี้ในภพชาตินี้ ยังมีมนุษย์จำนวนมากเหลือเกิน ที่ไม่เคยมอบความรักบริสุทธิ์จากการสั่นสะเทือนในจิตใจให้แก่ใครเลย การทะเลาะเบาะแว้ง การขัดแย้งกัน การคิดทำลายกัน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน การข่มเหงรังแกกัน การเอาเปรียบเบียดเบียนกัน การดูหมิ่นเหยียดหยามกัน การอาฆาตข่มขู่กัน การล้างผลาญเอาชีวิตกัน หรืออื่น ๆ นับวันยิ่งดาษดื่นไปทั่วโลก เพราะมนุษย์ขาดความรักที่จะเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้นั่นเอง

ผู้ที่ได้รับโทษสถานหนัก คือ ผู้สร้าง เนื่องจากประตูแห่งโอกาสในการก้าวพ้นหายนะ สู่แสงสว่างได้ถูกปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว

ผู้ที่ได้รับโทษรองลงมา คือ ผู้สนับสนุนทั้งหลายที่ไร้จิตสำนึก ซึ่งมีความอหังการ์ในความมีอำนาจเหนือ โดยอาศัยสติปัญญาและผลผลิตร้ายแรงของผู้สร้างทำลายล้างกันเอง

ผู้ที่ได้รับโทษสถานเบา คือ ผู้ที่ยอมตกเป็นทาสทางวิญญาณของเขาเหล่านั้น จนละเลยหน้าที่ของตนเองต้องตกอยู่ภายใต้การบงการเหมือนคนสิ้นพลังอำนาจในตนเองเพราะขาดสติ จนยากที่จะถ่ายถอนได้

ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นบนโลก ในสถานที่ต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้จะทำให้มนุษย์โลกได้รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือจักรวาลโลกล้วนดำรงอยู่จริงไม่ใช่มายา ไม่ใช่งมงายอย่างที่คิดกันเลย

 

โพสใดที่นำไปลงไว้กระทู้อื่น ที่เห็นว่ามีประโยชน์ เผื่อท่านใดที่ไม่ได้ไปอ่าน ก็จะนำมาให้พิจารณาค่ะ

จิตฟุ้งซ่าน....มีลักษณะแบบไหน?

จิตฟุ้งซ่าน คือ เลื่อนลอย สัดส่าย กวัดแกว่ง ไม่นิ่งอยู่กับที่ ไหลไปไหลมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรกัน คิดไปทำไม คิดไปเพื่ออะไร คิดแล้วได้อะไร คือ อยู่กับความคิด โดยไม่รู้ในเหตุ-ผล มั่ว งุนงง สับสนในความคิดอารมณ์รู้สึกไปหมด หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้

จิตพิจารณา = คือ จิตหนักแน่นในเหตุผล สามารถระลึกรู้ย้อนเข้าไปในสัญญา ในเวทนา ในสังขาร ดึงสัญญาอารมณ์รู้สึกเหล่านี่ขึ้นมาพิจารณาหาเหตุและผลได้ มีความหนักแน่น แน่วแน่ มั่นคง ไม่หวั่นไหว มีความหนี่งเดียวของจิต ได้ความคิดที่เป็นระเบียบแบบแผน

สองอย่างนี้ ถ้าใครมีความสามารถไปเห็น หรือดูจิตของผู้อื่นก็จะเข้าใจว่ามันเหมือนกันคือ การที่จิตไม่นิ่ง หรือว่าง คือ จิตมีการเคลื่อนไหวที่เหมือนกัน....

ใช่ค่ะ แต่แตกต่างกันที่ คิดรู้ กับ คิดไม่รู้ (ฟุ้งซ่านไม่รู้ว่าจะคิดไปทำไม)

ดังนั้น...จึงแตกต่างกัน

"การคิดรู้" กับ "การรู้คิด" มีความหมายดังนี้

"การคิดรู้" คือ ภูมิปัญญา ที่ได้ทักษะความสามารถในการใช้สมอง

ส่วน ....

"การรู้คิด" ก็คือ ความมีสติ ที่ได้จากทักษะในการใช้สมองแบบการรู้ตัวในขณะคิด การรู้คิด ก็คือ การมีสติ

ส่วน..

"การคิดไม่รู้" คือ การฟุ้งซ่าน สัดส่าย เข้าไปอยู่ในความคิดแบบไม่รู้ตัว ไม่มีสติสัมปชัญญะ และก็ไม่รู้ว่า ตนเองอะไร มีเหตุมีผลหรือไม่ และจะคิดไปทำไม นะค่ะ

และอีกอย่างหนึ่ง...

การเป็นผู้รู้ตื่น หมายถึง การรู้ตัวหรือรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกนึกคิดตนเองในทุกขณะจิตนะคะ

 

หากไม่ให้ความสำคัญกับสมาธิบ้างหยอฮับ
ยังงี้สติมันคงเหนื่อยแทบขาดในแต่ละวัน
และจะนำไปสู่ความฟันเฟือนของสติได้
หน่าฮับ.... ลุยต่อเลยฮับ5555

 

เมื่อเช้าฝันว่ามีใครไม่รู้มาตัดสินกฎแห่งกรรมคนแทบทั้งหมดเลยขณะมีงานรื่นเริงสักที่ โดยเอาข้อมูลความลับเรามาจากไหนไม่รู้มาตัดสิน ผมก็โดนเครียดมาก ระวังกันไว้นะฮับ วันล้างโลกมีจริงนะ

 

ท่านไฮเปอร์ ตอนนี้รับเรื่องพลังงานของโลกเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อเดือนก่อนที่จิตยิ้มได้โพสหลาย ๆ โพสเกี่ยวกับพลังงานของโลกกวัดแกว่งมาก ก็คือ สนามแม่เหล็กโลกอ่อนแรงมาก จึงมีลักษณะกวัดแกว่งจนพวกเรารับรู้ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โลกมีสิทธิพลิกกลับขั้วได้.....

แต่.....ตอนนี้ที่รับได้ พลังใต้พื้นพิภพที่เคยกวัดแกว่งสัดส่ายที่มากที่สุดคือ เหมือนตัวเราโยกไปโยกมา แต่ตอนนี้พลังงานนี้ดีขึ้นมากแล้ว สัดส่ายหรือกวัดแกว่งน้อยลงกว่าเดิมแล้ว ท่านรู้สึกเช่นนั้นไหม!!!

หรือว่า....เป็นเหมือนเดิม แต่...ความนิ่งของจิตยิ้มลดลง เลยรับรู้ไม่ชัดเจนเหมือนเดิม

หรือว่า....สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ช่วยเหลือเรื่องพลังงาน กับ ผู้มีบุญบารมีที่รู้เหตุและปัจจัย ช่วยกันพยุงและค้ำจุนพลังงานให้คงสมดุลไว้ (บารมีของผู้มีบุญฤทธิ์อิทธิฤทธิ์ พระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีจำนวนมาก ) หรือโลกเราได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น....ตนเองได้รู้และสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเกือบจะอาทิตย์แล้ว

ที่ถามก็เพื่อจะกล่าวว่า....ถ้าโลกไม่สัดส่ายกวัดแก่วงมาก แสดงว่าสนามแม่เหล็กโลกยังพอดำเนินไปได้ เมื่อสนามแม่เหล็กโลกไม่อ่อนมาก โอกาสที่จะพลิกกลับขั้วก็ยังไม่มี

เพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมิใช่จากใครเป็นผู้ต้องการให้เกิด หรือเกิดการกำหนดที่ต้องการให้เป็น แต่เกิดเพราะล้วนมีเหตุเกิดเท่านั้น

อันนี้กรณีเฉพาะโลกพลิกกลับขั้วอย่างเดียวนะ ไม่เกี่ยวกับพลังงานที่ส่งเข้ามาในระบบโลกที่จะจัดการพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้โลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่สมบูรณ์ คือ โลกจะค่อย ๆ ปรับตัวค่อย ๆ เป็นไป หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่เหตุปัจจัย แต่ไม่รุนแรงทีเดียวพร้อมกันทั้งโลกเหมือนคำเตือนที่ผ่านมาเพราะมนุษย์ไม่ก่อสงครามกันเสียก่อน เพราะความรุนแรงของภัยพิบัติขึ้นอยู่กับจิตใจของมนุษย์

อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ ถ้าพลังงานโลกเพิ่มขึ้น เพราะโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ที่ตรงตำแหน่งพิกัดโลกกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์เล็งมุมกันเป็นเส้นตรง (กรณีเกิดคลาส) นั่นคือสัญญาณที่โลกได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น ปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นภัยพิบัติของโลก ซึงถูกส่งเข้าจากนอกระบบโลกทั้งสิ้น พลังงานอันเป็นคลื่นความถี่แม่เหล็กที่เข้มข้น จากภายนอกระบบโลก จะถูกส่งเข้ามาในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดกระบวนการต่าง ๆ ตามความรุนแรงของภัยพิบัติที่มนุษย์ต้องเผชิญ ตามสัดส่วนของพลังงานกรรมที่มนุษย์บนแผ่นดินนั้นได้กระทำไว้ในระบบโลก

ตามกฎสมดุลแห่งจักรวาล โดยต้องมีระบบสมดุล ก็คือ
หลังจากกระบวนการชำระโลกสิ้นสุดลง...

มนุษย์ไม่น้อยกว่า 1% ขอทั้งหมดต้องจบชีวิตลง เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลของจำนวนรูปธรรมสำหรับโลกยุคพลังงานใหม่นี้ และแผ่นดิน 1 ใน 3 ของทั้งหมด จะหายไปจากแผนที่โลก ด้วยการลดจำนวนมวลของดาวเคราะห์โลกลงไป คือ ความเหมาะสมตามสมการความสมดุลสามมิติ 666 ดังได้กล่าวมาแล้ว มิเช่นนั้นดาวเคราะห์โลกจะทำให้จักรวาลนี้เสียความสมดุลไปทันที

 

ลุงมาหาสุน ฮัป

คราวนี้ ห่อมกฮวกไปฟากลุง ล่อ "666" เลยฮับ

ขายไปแล้วแน่นวล

 

จงระวังสติแตก

ที่ผ่านมาได้เคยเผยถึงเคราะห์ภัยทาธรรมชาติ ที่มนุษย์จะต้องเผชิญกันในวันใกล้ ๆ ซึงกำลังคืบคลานเข้ามาแรงขึ้น ถี่ขึ้น มันจะทวีความรุนแรงและความถี่ในการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆชนิดที่มนุษย์ไม่อาจประมาทได้แม้เพียงกระพริบตาเลยทีเดียว

สถานที่ หรือบริเวณที่อาจเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงจะอยู่ส่วนไหนของโลกบ้าง

1.บริเวณขั้วโลกเหนือและใต้ เป็นบริเวณที่พลังงานปั่นป่วนมากที่สุด
2.พื้นแผ่นดินแถบที่ตั้งอยู่ในทิศทาง 3-6 องศา ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเข็มทิศตามแนวเดิม ซึ่งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรขึ้นไป
3.พื้นแผ่นดินรายรอบมหาสมุทรแอตแลนติค ทั้งบริเวณชายฝั่งและบนภาคพื้นทวีปหลายแห่ง
4.บริเวณพื้นที่ตั้งตามรอยปริแยกของชั้นเปลือกโลกตลอดแนว จะเกิดรุนแรงเป็นแห่ง ๆ
5.พื้นแผ่นดินและบางเกาะในแถบซีกโลกใต้ ในทิศทาง 3-6 องศา ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ตลอดแนว

ภัยธรรมชาติที่รุนแรงบนพื้นดินทั้ง 5 บริเวณดังที่กล่าวข้างต้น สามารถจัดลำดับความรุนแรงล่วงหน้าไว้ดังนี้

1.ภัยจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
2.ภัยจากแผ่นดินถล่มหรือยุบตัวลง
3.ภัยจากพายุทอร์นาโด ที่พุ่งตัวลมาจากฟ้า และพายุหมุนรุนแรง
4.ภัยจากฟ้าผ่าพร้อมกับพายุฝนที่รุนแรง มันเป็นพายุสายฟ้าที่มนุษย์ไม่เคยเผชิญ
5.ภัจากน้ำท่วมเป็นเวลานาน ๆ และโรคระบาด
6.ภัยจากภูเขาไฟระเบิดพร้อม ๆ กันหลายลูก ทั้ง ๆ ที่เคยดับแล้ว ที่ครุกกรุ่น และในที่ ๆ ไม่มีใครรู้ว่ามี
7.ภัยจากความวิปริตแปรปรวนของภูมิอากาศที่รุนแรง เช่นไฟป่า พายุหิมะ ลูกเห็บยักษ์
8.ภัยจากความอดอยาก ขาดแคลนอาหารบริโภคและน้ำดื่มที่บริสุทธิ์
9.ภัยจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวมนุษย์เองในแบบต่าง ๆ และภัยอันเกิดจากการกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นซึ่งเป็นกรรมชั่ว ที่ได้รับโอกาสให้ตอบสนองมนุษย์ผู้กระทำในทันทีโดยไม่ต้องสั่งสมไว้ให้รอชดใช่ในภพชาติต่อไป

 

ติดตามสถานณการณ์โลกได้เป็นไปตามนั้นเกือบทุกประการแล้วค่ะ

 

ผมไม่แน่ใจว่าติดในโลกคู่ขนานหรือโลกใหม่กันแน่ จากฝึกจิตมานาน ทำให้เห็นโลกใบที่ 2 อะ ผมเห็นการก้อบปปี้โลกไว้แบ้คอัพช่วงยังไม่ค่อยมีสงครามอะ เลข 666 ด้วยเห็นบ่อยมาก เข้าสู่มิติแมททริกล่ะมั้ง สาเหตุนี้ทำให้ผมฝันทุกวันล่ะมั้ง แต่ผมสังเกตคนรอบข้างแล้วรู้สึกแปลกไป เหมือนคุยกับบอทตอบเป็นรูปแบบเดิมตลอด ดวงจันทร์ ดวงดาวก็หาย ไม่มีแสงเลยยามค่ำคืน รึผมจะอยู่ในคอมปิ้วเตอร์ซะล่ะมั้ง จิตยิ้มเห็นเลขอะไรตองบ่อยๆ มั่งล่ะ บอกที

 

เนี่ยผมเห็นวิธีการสร้างโลกใหม่เขารึเปล่า เห็นหน้าจอยุ่บยั่บแล้วก็เป็นภาพนี้ ช่วงกำลังโดนทดลองอ่ะ

เสียงไม่ทราบที่มาอีกมาบ่นผมทุกวันเลย น่าจะเป็นเสียงชาวโลกใหม่อะ ผมคงเป็นร่างอวตารใครสักคนอ่ะ วิธีเอาตัวรอดผม

 

เรื่องสภาพกายผมปกติอะ มีแต่เป็นอาการกระดูกทับเส้น ปวดคอ ปวดหัว ซีกซ้ายนี่ปวดหมดเลย รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของพระเยซูเลย เรื่องโลกกลับขั้วต้องรอกลางเดือนดาวนิบิรุเฉี่ยวอีกที โดนเฉี่ยวไปช่วงเดือนธันวาอาการหนักกว่านี้แต่ก็รอดมาได้ สงสัยโลกเก่าเอาสภาพร่างกายผมเป็นเกณฑ์เปล่า มีพลังเหมือนเป็นเจ้าของโลกไงไม่รู้

 

เห็นเลข 222 และ 444 บ่อยที่สุด
และ 000 นี่ก็จะเห็นหลายครั้งเหมือนกัน

ได้ยินตลอดเวลาที่รู้สึกว่ามาอยู่กับตนเอง ไม่รู้ว่าใช่เสียงเดียวกันหรือเปล่า คือ เสียงดังวิ้ง ๆ ในอากาศ ที่คิดว่าน่าจะเป็นเสียงคลื่นความถี่สูง

 

เลข 666 ของท่านไฮเปอร์ น่าจะบ่งบอกนัยยะนี้หรือเปล่า

666 — ขณะนี้ความคิดของคุณกำลังสูญเสียสมดุลอยู่

เพราะคุณอาจจะจดจ่ออยู่กับโลกวัตถุมากเกินไป
ตัวเลขชุดนี้เรียกร้องให้คุณกลับมาปรับสมดุลให้กับความคิดระหว่างโลกและสวรรค์


เหล่าทวยเทพร้องเรียกให้คุณกลับมาใส่ใจดูแลจิตวิญญาณ และรับรู้ว่าความต้องการทางด้านวัตถุและทางด้านอารมณ์ของคุณ จะมาบรรจบกันในที่สุด

 

สัญลักษณ์ของเทพที่ส่งมาพร้อมกับตัวเลข บางทีเราก็ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่บางครั้งก็ต้องเชื่อ เพราะการเห็นสัญญลักษณ์เลขตองต่าง ๆ ก็ได้บ่งบอกความเป็นไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ กับชีวิตได้ตรงกันพอดี

 

ต้องกลางปีสิ ผิดๆ ดาวนิบิรุอ่ะ อาจเป็นเทคโนโลยีต่างดาว แต่ผมไม่เข้าใจ ช่วงนี้อะไรแปลกๆ เยอะ ต้องสังเกต มาทุกวัน ฝันยันพิพากษาโลกโดยพระเจ้ารอบที่ 2 แล้วอะ รอบแรกยมบาลพิพากษาพาผมไปท่องแดนนรก อยู่บนโลกนี่แหละ

 

ปีนี้โลกเจอ "คลาส" บ่อยมาก

 

ผมอาจทำตัวบ้าจริงๆ เลียนแบบพระพุทธเจ้ามั่ง พระเยซูมั่ง แต่คงไม่เหมือนหลอก ที่เหมือนกันคือเรื่องมหาทรมานนี่สิ ไม่รู้จะทนได้อีกสักกี้น้ำ ด้วยความเบลอของสมองทำให้เป็นผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จไปแล้ว เลยไม่อยากโม้มากแล้ว แค่อยากมาแก้ตัวเรื่องที่นึกได้แต่เยอะจริงๆ ไม่รู้สมองจะคิดมากไปไหน

 

เรื่องที่เพ้อก็กลายเป็นของโลกคู่ขนานกลายเป็นเกมกดให้ชาวโลกนี้เล่น แต่เป็นเรื่องจริงบนอีกโลกเปล่าไม่แน่ใจ ผมตกนรกก็ต้องทำใจเนี่ยพึ่งฝันเกมซอมบี้ช่วงต้นเดือนวันนี้ได้เล่นกันแล้ว สรุปนรก สวรรค์คือข้อมูลในภาพเกมกดโลกนี้นะ แต่อาจเป็นเรื่องจริงในอนาคตนะ ต้องหยุดแผนพระเจ้าบ้างบางที เอะอะจะล้างบางลูกเดียว

 

ผมอาจไปขัดขวางแผนการณ์ของใครบางคนอยู่ ก็ได้แต่สู้ต่อไปเพื่อโลกใหม่ที่ดีให้ได้
ผมอาจจะเวอร์เรื่องพิพากษาโลกอะ อาจแค่บางกลุ่ม กับใครบางคนเท่านั้นครับ อย่าตกใจ พลังจิตเขาสแกนกรรมได้อะเท่าที่รู้ เราแค่ไม่หากรรมเพิ่ม หรือทำกิจกรรมอะไรให้น้อยที่สุดไว้อะ เป็นการดีที่สุด

 

อาจจะโดนฝังชิบบทพระเอก ผู้กล้าไว้ จึงหาเรื่องไม่หยุดเลยเป็นไรไม่รู้ ผมก็เบื่อนะเพราะมันทรมาน แต่มันก็เป็นหน้าที่ไปแล้วกับการต่อสู้เพื่อโลกเนี่ย ประกาศไว้แล้ว ชีวิตของลูกปู้ชายบ้าเกมกดระยะสุดท้าย สู้เว้ย