อยู่อย่างมีสติ พร้อมรับวิกฤตด้วยความพอเพียง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,840
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,572
    ค่าพลัง:
    +26,414
    IMG_4657.jpeg

    โอวาทในวันขึ้นปีใหม่ ณ ถนนนั่งยองทองผาภูมิ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗

    เจริญพรท่านชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ท่านศราวุธ ศรีทันดร นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทุกท่าน

    วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ถ้าเป็นสมมติทางโลกก็ถือว่าขึ้นปีใหม่แล้ว แต่ถ้าหากว่าเป็นโบราณของเราก็ถือว่าเป็นท้ายปี เนื่องเพราะว่าโบราณเรา ถือว่าขึ้นปีใหม่ก็คือวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ช่วงก่อนสงกรานต์เล็กน้อย

    ปีนี้ท่านทั้งหลายที่มาร่วมงานกัน ได้สร้างบุญสร้างกุศลใส่ตนเองหลายประการด้วยกัน ตั้งแต่ ๕ ทุ่มถึง ตี ๑ ก็มีการสวดมนต์ข้ามปีที่วัดท่าขนุน แล้วเมื่อสักครู่ เราทั้งหลายก็มาใส่บาตรรับปีใหม่กันที่ตรงนี้ สิ่งที่เราทำนั้นเป็นคุณงามความดี ที่จะช่วยเหลือเราในกาลต่อไปข้างหน้า เนื่องเพราะว่าตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นเนื่องของบุญกุศลยังเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะว่าบุญกุศลนั้นย่อมนำพาแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิตของเรา

    เพียงแต่ว่าเราทั้งหลายต้องทำบุญกันอย่างมีสติ การทำบุญไม่ใช่การทุ่มเททีละมาก ๆ แต่เป็นการทำบ่อย ๆ เนื่องเพราะว่าเจตนาของการทำบุญ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำไว้ก็คือ ให้เราตัดความโลภในใจของเราเอง

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราไปทำบุญมาก ๆ ทีเดียว บางทีกำลังใจเราสละออกไม่ได้ จึงให้ทำบุญแต่น้อย แต่ทำบ่อย ๆ กำลังใจที่เกาะความดีจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วในที่สุด เราก็สามารถสละได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งที่พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า "สามารถสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม"

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจะตัดความโกรธ ก็ต้องมีศีลเป็นหลัก ถ้าหากว่าเรามีศีลอยู่ ต่อให้โกรธแค่ไหน ก็คงฆ่าใครหรือว่าทำร้ายใครไม่ได้ ถ้าหากว่าจะตัดความหลง ก็ต้องมีปัญญา มองเห็นให้ชัดเจนว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก่อทุกข์ก่อโทษให้กับเราอย่างไร แล้วก็ละเว้นเสีย

    สิ่งที่จะก่อทุกข์ก่อโทษแก่เรานั้น ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องที่สังคม หรือว่านักปราชญ์ท่านว่าเอาไว้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี อย่างเช่นว่า เรื่องของการพนัน เรื่องของสุรา ยาเสพติด การเที่ยวกลางคืน เป็นต้น ถ้าเราสามารถละเว้นได้ นอกจากจะช่วยให้ตัวเราประสบความสำเร็จ เป็นที่เชื่อถือของผู้อื่น เพราะว่าไม่ข้องแวะกับสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ยังทำให้ครอบครัวของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคงอีกด้วย

    เนื่องเพราะว่าหัวหน้าครอบครัวไม่ได้ไปเลอะเทอะเหลวไหลด้านนอก เมื่อหลาย ๆ ครอบครัวเป็นปึกแผ่นมั่นคง หมู่บ้านเราก็จะดี หลาย ๆ หมู่บ้านดี ตำบลนั้นก็ดี หลาย ๆ ตำบลดี อำเภอนั้นก็ดี จนกระทั่งท้ายที่สุดประเทศชาติของเราก็จะดี

    ในปี ๒๕๖๗ นี้ ยังมีสิ่งที่เราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังอยู่หลายอย่างหลายประการด้วยกัน อันดับแรกเลย เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ยังไม่ได้หายไปไหน ในช่วงระยะที่ผ่านมาไม่นาน วัดท่าขนุนก็มีพระ ตลอดจนกระทั่งแม่ชีและญาติโยม ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไป รวม ๆ แล้ว ๓๓ รูป/คน..! ติดเกือบทั้งวัด ไม่รู้เจ้าอาวาสรอดได้อย่างไร ? พวกที่ติดก็นั่งฉันข้าวอยู่วงเดียวกันนั่นแหละ..!

    อีกประการหนึ่งก็คือเรื่องของภัยแล้ง ที่จะมาต่อเนื่องทันทีทันใดกับน้ำท่วม ช่วงนี้คณะสงฆ์กำลังระดมทรัพย์สินสิ่งของ เพื่อไปช่วยน้ำท่วมที่ปักษ์ใต้ แต่เป็นที่เหลือเชื่อว่า หลังจากนั้นไม่กี่วันบ้านเราจะเริ่มแล้ง สิ่งที่เราจะต้องเตรียมรับมือเอาไว้ ก็คือเรื่องของการบริหารจัดการน้ำให้ดี

    แล้วยังมีผลกระทบจากภาวะสงครามจากทางด้านนอก ซึ่งตอนนี้แม้กระทั่งเรื่องของการขนส่งสินค้าทางทะเลก็เป็นไปโดยยาก เพราะว่าคู่สงครามเห็นเรือขนส่งสินค้าของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเป้าในการโจมตี ถ้าหากว่าเรื่องของการค้าไปไม่ได้ เศรษฐกิจจะตกไปทั้งโลกเลย..!

    ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายนึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ท่านสอนให้เราอยู่อย่างพอเพียง คำว่า พอเพียง นี้มาจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็คือหลักสันโดษ แต่คราวนี้คำว่าสันโดษ ไม่ได้แปลว่าต้องลำบากยากจน เนื่องเพราะว่าสันโดษนั้นประกอบไปด้วย
    ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามมีตามได้ ถึงไม่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ถูกเลขท้ายสองตัวก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

    ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังที่หาได้ ถ้าหากว่าเรานามสกุลสิริวัฒนภักดี หรือเจียรวนนท์ จะหาสักหมื่นล้านแสนล้านนั่นก็กำลังของเราหาได้ ตัวเราเองค่าแรงวันหนึ่ง ๓๐๐ บาท เราก็หาของเราได้แค่นี้ ท่านให้เรายินดีในสิ่งที่เราหาได้ ก็คืออย่ามองสูงเกินสภาพของตนเองไป ใจจะไม่สงบ

    ข้อสุดท้ายเลย ยถาสารุปปสันโดษ รู้จักยินดีตามฐานะของตน ไม่ใช่ค่าแรงวันละ ๓๐๐ บาทแล้วเราก็กินหมูกระทะทุกวัน อันนั้นก็เกินไป อย่าไปดูคนที่เขามีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ซื้อรถคันหนึ่ง ๔๐ - ๕๐ ล้านบาท นั่งได้แค่ ๒ คน..! นั่นเรื่องของเขา เราขึ้นรถเมล์คันละ ๕ ล้าน นั่งได้ ๔๐ คน เพื่อนฝูงเยอะดี..!

    คราวนี้ถ้าหากว่าเรารู้จักยินดีตามที่ได้มา ยินดีตามกำลังที่หาได้ และยินดีตามฐานะของตน เราก็จะรู้ว่าควรที่จะทำตัวอย่างไร ถึงจะเหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ถ้าหากว่าเรามีสติ รู้จักเก็บหอมรอมริบ ใช้เฉพาะในส่วนที่จำเป็น พวกเราท่านทั้งหลายอาจจะได้ยินหลายต่อหลายครั้ง ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสไว้ว่า "ซื้อเฉพาะของที่จำเป็น"

    สมมติว่านาฬิกา คุณค่าของนาฬิกาคือการดูเวลา สมัยนี้ไม่ซื้อกันแล้วกระมัง ? ดูจากมือถือก็ได้..ใช่ไหม ? ในเมื่อคุณค่าแค่บอกเวลา มิคกี้เม้าส์เรือนละ ๓๐๐ บาท กับปาเต็ก ฟีลิปป์เรือนละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ก็มีคุณค่าเท่ากัน ไม่เห็นบอกเวลาได้เกิน ๒๔ ชั่วโมงเลย ถ้าเรารู้คุณค่าของสิ่งของ ซื้อตามที่ใช้งาน เราก็จะไม่ลำบากเดือดร้อน

    สมมติว่ารถยนต์ หน้าที่หลัก ๆ เลยก็คือทำให้เราเดินทางไปสู่ที่หมายได้ สะดวก รวดเร็วกว่าขนส่งสาธารณะ ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อคันหนึ่ง ๔๐ - ๕๐ ล้าน แล้วคันหนึ่งนั่งได้ ๒ คน เคยเห็นไหมรถหรู ? นั่งได้คันหนึ่งไม่เกิน ๒ คนหรอก แต่ขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าเราซื้อในราคาประมาณแปดแสนเก้าแสนบาท นั่งได้ ๕ คน ๗ คน มีเยอะแยะไป ซื้อของตามคุณค่าที่แท้จริง แล้วเราจะไม่ใช้จ่ายเกินตัว ใครก็ตามที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก จะไม่เอาของภายนอกมาวัดคุณค่า เพราะรู้ว่าตนเองนั่นแหละที่มีคุณค่าที่สุด..!

    ดังนั้น..ในช่วงปีใหม่ ๒๕๖๗ อาตมภาพจึงอยากจะบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายว่า ให้อยู่อย่างมีสติ พร้อมที่จะรับมือภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นกับโลก และจะลามมาถึงประเทศชาติของเรา พยายามประหยัด อดออม ใช้จ่ายแต่พอสมควร แล้วเราท่านทั้งหลายจะสามารถฝ่าภาวะวิกฤตของโลกไปได้ โดยที่ไม่ลำบากมากเหมือนคนอื่นเขา

    ท้ายสุดนี้อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านทั้งหลายเคารพนับถือ รวมกับผลบุญที่ท่านทั้งหลายได้สร้างสมมาตั้งแต่ต้น จวบจนกระทั่งเมื่อครู่ที่ได้ใส่บาตรร่วมกันนี้ จงมารวมกันเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพที่แข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีฐานะความเป็นอยู่ที่คล่องตัว

    แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้ความประสงค์ของท่านจงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...