เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 กรกฎาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20240726.jpg
      20240726.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193.2 KB
      เปิดดู:
      69
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมในพิธีปลูกต้นรวงผึ้งเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา โดยที่จะร่วมปลูกกันทั้งสิ้น ๗๓ ต้น

    กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นวาระสำคัญ ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๖ รอบ จึงได้รับจองเป็นเจ้าภาพไป ๖ ต้น เพียงแต่ว่าจ่ายเต็มไป ๖๐,๐๐๐ บาท ไม่ต้องทอนต้นละ ๑ บาทอย่างที่เขาตั้งราคาเอาไว้..!

    แต่พอไปถึงปรากฏว่าได้รับบุญเพิ่มเติม เนื่องเพราะว่าท่านเจ้าคุณพระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร ป.ธ.๙), รศ.ดร. คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งจบปริญญาเอกรุ่นเดียวกัน แต่ว่าของท่านเป็นสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ได้ขอให้กระผม/อาตมภาพตั้งกองทุนพ่อแม่อุปถัมภ์ แก่นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยที่นิสิตซึ่งไม่สะดวกในเรื่องของค่าเล่าเรียน จะได้อาศัยพ่อแม่อุปถัมภ์เหล่านี้ ในการส่งเสียตนเองให้เรียนจนจบ

    กระผม/อาตมภาพควักทั่วตัวแล้วได้มา ๕๐,๐๐๐ บาท จึงถวายให้เจ้าคุณพระอุดมสิทธินายก, รศ.ดร. ไปเลย ท่านเองเมื่อเห็นกระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าเร็วทันใจ ก็สั่งให้พระมหาพิสุทธิ์ สิทฺธิเมธี เลขานุการคณะสังคมศาสตร์ มจร. รีบไปทำเกียรติบัตรมามอบให้โดยทันทีทันควันเหมือนกัน

    กระผม/อาตมภาพแจ้งกับทุกคนในพิธีว่า ถ้าหากว่าเป็นเรื่องของกองบุญการกุศล สำหรับ
    กระผม/อาตมภาพแล้ว ก็อยู่ที่ใครเร็วใครได้ ก็คือใครบอกก่อน กระผม/อาตมภาพก็ร่วมบุญไปก่อน หลังจากนั้นเมื่อเงินหมดกระเป๋าแล้ว ใครมาบอกทีหลังก็เป็นอันว่าพลาดไปตามระเบียบ..! ซึ่งทุกคนมักจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนรวย เนื่องเพราะว่าทำบุญแบบไม่ยั้งคิด ทำบุญแบบคนไม่มีวันพรุ่งนี้ ตั้งใจจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันเดียวเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น มีเท่าไรกระผม/อาตมภาพก็เทจนหมด ทำให้คนอื่นเขาเห็นว่าเป็นคนรวย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    เมื่อรับเกียรติบัตรแล้ว พวกเราก็ชวนกันไปกราบท่านเจ้าคุณอาจารย์ทองขาว - พระวชิรกิตติบัณฑิต, รศ.ดร. ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านก็คือคณบดีคณะสังคมศาสตร์นี่เอง เพียงแต่ว่าต้องกลับไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนายาวทางบ้านเกิด แล้วได้รับความเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะที่พระวชิรกิตติบัณฑิต ซ้ำยังได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ แต่งตั้งท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ตอนนี้ใน มจร.ท่านจึงเหลือตำแหน่งแค่อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเท่านั้น

    ตอนที่ท่านยังเป็นคณบดีคณะสังคมศาสตร์อยู่นั้น ได้พาพวกกระผม/อาตมภาพซึ่งเป็นนิสิตปริญญาเอก ไปดูงานที่ยุโรป ๑๒ วัน กระผม/อาตมภาพต้องนั่งร่วมกับท่านเจ้าคุณอาจารย์ ในสมัยที่ยังเป็นพระครูปริยัติกิตติธำรง ตลอดระยะเส้นทางในยุโรปทั้ง ๑๒ วัน จึงได้เป็นเพื่อนคุยและร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ จนกระทั่งคุ้นเคยกันมาก

    เมื่อเห็นหน้าท่านยังบอกว่ากระผม/อาตมภาพ "รักษาหุ่นได้ดีมาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย" กระผม/อาตมภาพเองก็อยากเปลี่ยนแปลงอยู่เหมือนกัน แต่พยายามที่จะฉันสักเท่าไรก็ได้ไม่มากไปกว่านี้ เพราะว่าฉันเข้าไปแล้วก็โดนโรคภัยไข้เจ็บดึงเอาไปจนหมด ทำให้กลายเป็นบุคคลรักษาหุ่นที่คนอื่นอิจฉา แต่กระผม/อาตมภาพพอเห็นคนอื่นที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ก็มักจะอิจฉาเขาแทน..! เพราะว่าดูแล้วตนเองไม่มีสง่าราศี ไปเดินอยู่ที่ไหนก็เหมือนอย่างกับพระลูกวัด

    โดยเฉพาะญาติโยมบางท่าน เมื่อมาถึงวัดเห็นกระผม/อาตมภาพกวาดวัดอยู่ ก็ยกมือไหว้ถามว่า "หลวงพี่ครับ หลวงพ่อท่านอยู่ทางไหน ?" ทำเอากระผม/อาตมภาพตกอยู่ในสภาพที่สำนวนหนังจีนกำลังภายในกล่าวว่า "หัวเราะมิได้ร่ำไห้มิออก" ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะตอบโยมว่าอย่างไร ก็เลยชี้ไปที่กุฏิเจ้าอาวาส บอกว่า "กุฏิของท่านอยู่ที่นั่น โยมลองไปดูเอาก็แล้วกัน"

    เมื่อทำการถวายสักการะเนื่องในโอกาสเข้าพรรษา และโอกาสที่ท่านได้เดินทางลงมา เพื่อที่จะเดินทางไปร่วมงานสำคัญในกรุงเทพมหานครเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปยังหอประชุมใหญ่ ๔๘ พรรษา มวก. ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สร้างเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยที่เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราขกุมาร และเจริญพระชนมายุ ๔๘ พรรษา ไม่น่าเชื่อว่าแค่ไม่นานเท่านั้น ก็ผ่านไปถึง ๒ รอบ ๒๔ ปีแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    ครั้นเดินหาจนเจอต้นรวงผึ้งของตนเอง เจ้าหน้าที่ก็รีบวิ่งมาบอกว่า "วันนี้ลงให้หลวงพ่อ ๑ ต้นก่อนนะครับ เพราะว่าไม่มีพื้นที่ให้กับคนอื่น อีก ๕ ต้น เดี๋ยวพวกกระผมจะลงให้ในวันหลัง" กระผม/อาตมภาพจึงฝากบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า "๕ ต้นที่เหลือฝากพวกคุณช่วยปลูกไปเลย อาตมภาพจะปลูกต้นนี้ต้นเดียว" ว่าแล้วก็จัดการนำเอาดินที่เขาเตรียมไว้ลงหลุม โดยที่มีท่านเจ้าคุณพระอุดมสิทธินายก, รศ.ดร. และบรรดาพระพี่พระน้อง ตลอดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่คณะสังคมศาสตร์ เกาะท้ายกันเป็นแถวเพื่อที่จะได้ร่วมปลูกด้วย

    ครั้นได้ถ่ายรูปกับทุกคนแล้วก็รับเกียรติบัตร ซึ่งโดยปกติแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ.ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะเป็นผู้มอบให้ แต่ว่าวันนี้ท่านติดภารกิจ กระผม/อาตมภาพจึงได้รับจากท่านเจ้าคุณพระอุดมสิทธินายก, รศ.ดร. คณบดีคณะสังคมศาสตร์แทน แล้วก็วิ่งกลับมาฉันเพลยังที่พักวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอเวลาเดินทางไปร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา

    โดยที่ครั้งก่อนนั้นเป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี แต่กระผม/อาตมภาพเข้าใจผิดว่า เป็นการเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงได้บอกกล่าวผิดไป แต่ว่าคราวนี้ไม่ผิดอย่างแน่อน

    และด้วยความที่เป็นวาระสำคัญก็คือ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ทางด้านคณะสงฆ์หนกลางที่เป็นเจ้าภาพ จึงได้ทำฎีกานิมนต์พระเถราจารย์จำนวน ๖๖ รูป มาเพื่อร่วมนั่งอธิษฐานจิตถวายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ปรากฏว่ารูปที่โฆษณาก็ดี สปอตโฆษณาของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ตาม ได้แสดงซึ่งรายนามของพระเถราจารย์แค่ ๑๐ รูปเท่านั้น ก็คือ

    หลวงปู่ศิลา (พระราชวัชรธรรมโสภณ) วัดพระธาตุหมื่นหิน จังหวัดกาฬสินธุ์

    หลวงพ่อตี๋ (พระครูสุวรรณโชติวุฒิ) วัดหูช้าง จังหวัดนนทบุรี

    หลวงพ่ออิฏฐ์ (พระสมุทรวชิรโสภณ วิ.) วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม

    หลวงพ่อสุรศักดิ์ (พระราชภาวนาวชิราจารย์ วิ.) วัดประดู่ (พระอารามหลวง) จังหวัดสมุทรสงคราม

    หลวงพ่ออ่าง (พระนันทวิริยาภรณ์) วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จังหวัดนนทบุรี

    หลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) จังหวัดนครปฐม

    หลวงพ่อชำนาญ (พระราชสิริวัชรรังษี) วัดชินวรารามวรวิหาร (พระอารามหลวง) จังหวัดปทุมธานี

    หลวงพ่อแก้ว (พระวชิรภาวนาภิรัต วิ.) วัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร หรือที่ในราชทินนามเก่าก็คือ พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ จนพวกกระผม/อาตมภาพเรียกท่านว่าหลวงพ่อไพบูลย์ไปแล้ว ปัจจุบันนี้ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระวชิรรัตนรังษี

    แล้วก็ปิดท้ายด้วยหลวงพ่อเล็ก (พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.) วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    ก่อนหน้านี้เวลาที่กระผม/อาตมภาพเจอญาติโยมรู้จักมักจี่กันแทบทุกที่ทุกทางในประเทศไทย ก็ยังคิดว่า "เอ๊ะ..ทำไมเขาถึงรู้จักเราขนาดนี้ ?" แต่ปรากฏว่าเมื่อมางานนี้ เขาประกาศรายนามพระเถราจารย์แค่ ๑๐ รูป จาก ๖๖ รูป ก็ทำให้เข้าใจชัดเจนว่า "ที่แท้ตัวเราเองมีชื่อปรากฏในยุทธจักรจนถึงขนาดนี้..!"

    เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ เขาก็ไม่ได้แสดงรายชื่อปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อสนองชาติ (พระครูสุภัทรกาญจนกิจ) วัดเย็นสนิทธรรมาราม ซึ่งเป็นพระเถราจารย์คู่เดียวของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับฎีกานิมนต์คู่กับกระผม/อาตมภาพ หรือว่าท่านเจ้าคุณหลวงตา - พระราชาภาวนาพัชรญาณ วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ซึ่งเป็นรุ่นพี่ ตลอดจนกระทั่งเป็นกึ่งอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพด้วยก็ตาม

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ได้แต่ทำใจว่า
    "ในเมื่อมีชื่อเสียงโด่งดังก็อย่าไปหวังความสงบ" ทุกวันนี้กระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะหลบที่จะเลี่ยงทุกอย่าง อะไรที่จะก่อให้เกิดชื่อเสียงมากขึ้น ก็พยายามที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่เมื่อปรากฏเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ดูท่าว่าเรื่องที่พยายามจะหลีกเลี่ยงนั้นท่าจะไม่สำเร็จ เพราะว่าปัจจุบันนี้ไปที่ไหน ไม่ว่าจะแวะห้องน้ำ แวะร้านอาหารก็ตาม จะต้องมีคนรู้จักเข้ามากราบทักทาย เมื่อวานนี้ก็ยังมีญาติโยมเข้ามากราบทักทาย บอกว่า "ไปที่วัดหลายครั้งแล้ว ไม่มีโอกาสได้เจอหลวงพ่อ มาเจอกันที่ตรงนี้เอง..!"

    เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นถือเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ จึงไม่ได้อยู่ดูแลต้อนรับญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาที่ไปถึงวัดท่าขนุน ถ้าโยมไปถึงแล้วก็ให้ไปกราบหลวงพ่อมหาลาภ ๓ กษัตริย์ก็ดี หลวงพ่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน น้ำหนัก ๖๐๐ กิโลกรัมก็ดี หรือว่าสังขารหลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนก็ตาม ย่อมได้พลานิสงส์มากกว่าที่กราบกระผม/อาตมภาพหลายเท่านัก

    ส่วนท่านใดถ้าหากว่าเวรกรรมบรรจบมาพอดี อาจจะได้เจอะเจอกระผม/อาตมภาพ ก็ขอให้เจอกันในช่วงที่อารมณ์ดีหน่อย ถ้าหากว่าอยู่ในช่วงที่กำลังด่าพระภิกษุสามเณรหรือญาติโยม ก็อย่าเพิ่งทำคอหด..! เนื่องเพราะว่าถ้าไม่ได้ทำผิดอะไร กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะด่าโยมไปแล้วได้อะไรเหมือนกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...