ติดตามสถานะการณ์

แฟนคลับเศร้า!!เน็ตไอดอลสาวคนดัง'นักปีนเขาบิกินี'พลัดตกเขาหนาวตายในไต้หวัน เผยแพร่: 22 ม.ค. 2562 04:02 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รัสเซียทูเดย์ - สาวนักปีนเขารายหนึ่ง ซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากการนุ่งชุดบิกินีถ่ายภาพหลังพิชิตยอดเขาสูง ถูกพบหนาวตายอยู่บริเวณด้านข้างของภูเขาลูกหนึ่งในไต้หวัน หลังจากเธอพลัดตกลงมาระหว่างปฏิบัติการท้ามฤตยูหนล่าสุด

อู๋ จี้หยุน หรือ จีจี้ หวู วัย 36 ปี สามารถพิชิตยอดเขาสูงในไต้หวันมาแล้วหลายแห่ง และกลายเป็นเน็ตไอดอล มีผู้ติดตามบนสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก จากการสวมชุดบิกินีถ่ายภาพเป็นที่ระลึกโพสต์ลงในโซเชียลเป็นประจำ จนได้รับสมญานามว่า "นักปีนเขาบิกินี"

รายงานข่าวระบุว่าตลอดทั้งปีที่แล้ว อู๋ ใช้เวลาเกือบ 130 วันหมดไปกับการปีนเขา แต่ประสบการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้กลับไม่สามารถช่วยให้เธอมีชีวิตรอดได้ เมื่อครั้งที่เธอประสบปัญหาระหว่างการปีนเขาที่อุทยานแห่งชาติยวี่ซันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


กำลังโหลด...

ในการผจญภัยครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ อู๋ เริ่มต้นปีนเขาเมื่อวันที่ 11 มกราคม และหลังจากผ่านไป 8 วัน ในวันเสาร์ที่ 19 มกราคม เธอได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่ง หลังตกลงไปในหุบเขากว่า 20 เมตร โดยเธอเล่าให้เพื่อนฟังว่าเธอติดอยู่ตรงก้นเหวและด้วยอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

หลิน เฉิง-อี ผู้บัญชาการห่วยดับเพลิงหนานโถว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อู่ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ความสูง 1,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในขณะที่อุณหภูมิยามค่ำคืนในบริเวณดังกล่าว ลดต่ำถึง 2 องศาเซลเซียส

จากนั้นหน่วยฉุกเฉินไต้หวันก็รุดส่งทีมกู้ภัยไปยังอุทยานแห่งชาติในความพายามช่วยเหลือนักปีนเขารายนี้ อย่างไรก็ตามปฏิบัติการดังกล่าวต้องประสบอุปสรรคจากสภาพอากาศเลวร้าย จนเฮลิคอปเตอร์ภู้ภัยต้องยกเลิกภารกิจอย่างน้อยๆ 3 ครั้ง

เมื่อความพยายามดังกล่าวล้มเหลว หน่วยดับเพลิงจึงตัดสินใจส่งทีมค้นหาและกู้ภัยเดินเท้าเข้าไปตามหา อู๋ และหลังจากใช้เวลาปีนเขาพักใหญ่ ในที่สุดหน่วยกู้ภัยก็พบร่างไร้วิญญาณของเธอในตำแหน่งที่เธอส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้าย 28 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

แฟนคลับจำนวนมากของเธอพากันยกย่องเน็ตไอดอลของพวกเขาบนสื่อสังคมออนไลน์ ในนั้นรวมถึงคนหนึ่งที่เขียนว่า "RIP. ขอบคุณสำหรับการโชว์ให้โลกได้เห็นถึงความสวยงามของไต้หวัน"

https://mgronline.com/around/detail/9620000007334

 

เศรษฐกิจจีนเติบโตอัตราต่ำสุดรอบ28ปี ปัญหาดีมานด์ภายใน-สงครามการค้า เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 22:38 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพถ่ายวันที่ 17 ม.ค. 2019 บรรยากาศของสวนอี้ว์หยวนในนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ซึ่งประดับประดาต้อนรับตรุษจีนปีหมู ทั้งนี้จีนแถลงวันจันทร์ (21 ม.ค.) ว่า เศรษฐกิจปีที่แล้วเติบโตด้วยอัตรา 6.6% ต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี ถึงแม้ยังอยู่ภายในกรอบที่รัฐบาลแถลงคาดการณ์ไว้
เอเจนซีส์ – เศรษฐกิจจีน ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วมีอัตราเติบโตชะลอตัวอย่างแรงที่สุดในรอบสิบปี สืบเนื่องจากดีมานด์ภายในที่ทรุดดิ่งและผลพวงสงครามการค้ากับอเมริกา ส่งผลฉุดให้การขยายตัวตลอดปี 2018 ลดลงต่ำสุดในช่วงเวลา 28 ปี คาดกดดันให้ปักกิ่งต้องอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจลื่นไถลลงกว่าเดิม

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) แถลงในวันจันทร์ (21ม.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสส่งท้ายปี 2018 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.4% ลดลงจาก 6.5% ในไตรมาสก่อนหน้า ถือว่า ต่ำที่สุดภายหลังจากวิกฤตการเงินทั่วโลกปี 2008 (วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) และฉุดรั้งอัตราการขยายตัวตลอดปีที่แล้วให้อยู่ที่ 6.6% ต่ำที่สุดนับจากปี 1990 โดยที่ในปี 2017 ยังอยู่ที่ 6.8%

สัญญาณการเติบโตชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก กำลังกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทั่วโลก และอันที่จริงก็ส่งผลกดดันคาดการณ์ผลกำไรของพวกบริษัทใหญ่ๆ หลากหลายสาขา ตั้งแต่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไปจนถึงค่ายรถยนต์

ทางด้านผู้วางนโยบายแดนมังกรให้สัญญาออกมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการปลดพนักงานจำนวนมาก แต่ยืนยันว่า จะไม่มีมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่เหมือนในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่แม้ทำให้จีดีพีวิ่งฉิวจริงแต่ต้องแลกด้วยยอดหนี้ภาคสาธารณะสูงขึ้นมหาศาล

ทั้งนี้ ปักกิ่งอาจเปิดเผยมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมระหว่างการประชุมรัฐสภาเต็มคณะประจำปีในเดือนมีนาคม ซึ่งน่าจะมีทั้งการลดภาษีและการเพิ่มการใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค

หนิง จี๋เจ๋อ ผู้อำนวยการเอ็นบีเอส ยอมรับว่า ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบดังกล่าวอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ พร้อมยืนยันว่า จีนมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ

ขณะที่ นาโอโตะ ไซโตะ หัวหน้านักวิจัยของสถาบันวิจัยไดวาในโตเกียว มองว่า ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ในภาคการบริโภค เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในอเมริกาและจีนต่างเสื่อมทรุดลงและกังวลกับอนาคต นอกจากนั้นการเพิ่มขึ้นของรายได้สุทธิของผู้บริโภคจีนยังชะลอลง ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น



ภาพถ่ายวันที่ 20 ม.ค. 2019 พนักงานรอลูกค้าที่ร้านขายเครื่องประดับแฟชั่น ในช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง เศรษฐกิจจีนปี 2018 เติบโตชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากดีมานด์ภายในประเทศที่ทรุดลง ผสมด้วยสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวต่อ โดยจะทำได้ในอัตรา 6.3% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐน่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนจะเห็นผล ขณะที่ผู้สังเกตการณ์บางคนเชื่อว่า อัตราเติบโตที่แท้จริงยังน่าจะต่ำกว่าที่ทางการรายงานอีกด้วย

นอกจากนั้น จากข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคมและจีดีพีที่เผยแพร่ออกมาคราวนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนช่วงปลายปีที่แล้วชะลอตัวในเกือบทุกภาคส่วน จะมีที่ยกเว้นบ้าง เช่น ผลผลิตของโรงงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยอยู่ที่ 5.7%

ขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจคลายความร้อนแรงลงชัดเจน แต่ทางการจีนระบุว่ายังมุ่งมั่นแก้ปัญหามลพิษที่สร้างความกดดันให้ภาคอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในปัจจัยฉุดรั้งการเติบโต นอกเหนือจากการบริโภค สงครามการค้า และการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ

ปีที่แล้ว จีนสั่งชะลอโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟใต้ดินและมอเตอร์เวย์เพื่อจัดการชะลอหนี้สาธารณะ ส่งผลให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% เทียบกับ 19% ในปี 2017

สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนรายงานว่ายอดส่งออกและนำเข้าประจำเดือนธันวาคมหดตัวเกินคาด และคำสั่งซื้อของโรงงานมีแนวโน้มดิ่งต่ออีกหลายเดือน รวมทั้งอาจมีการปลดพนักงานเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์เตือนว่า กระทั่งถ้าหากจีนกับอเมริกาทำข้อตกลงการค้ากันได้ ก็ไม่ได้หมายความถึงยาครอบจักรวาลสำหรับจีนหรือผู้ส่งออกจีน เนื่องจากเวลานี้อุปสงค์วูบลงทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่อเมริกาเท่านั้น

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าของทั้งสองประเทศ ต้องบรรลุข้อตกลงก่อนเส้นตายต้นเดือนมีนาคม ไม่เช่นนั้นวอชิงตันจะขึ้นภาษีศุลกากรระลอกใหม่กับสินค้าจีน โดยหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะเจรจาของจีน มีกำหนดเดินทางไปวอชิงตันเพื่อหารือรอบต่อไปในช่วงสิ้นเดือนนี้

https://mgronline.com/around/detail/9620000007315

 

ไฟโหมไหม้เรือ2ลำขณะกำลังถ่ายแก๊สกลางทะเลดำ ตายอย่างน้อย10ศพ เผยแพร่: 22 ม.ค. 2562 02:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิต 10 รายในทะเลดำ นอกชายฝั่งแหลมไครเมีย ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในวันจันทร์(21ม.ค.) หลังเกิดไฟโหมไหม้เรือใต้ธงแทนซาเนีย 2 ลำระหว่างปฏิบัติการขนถ่ายแก๊ส

อเล็กเซ คราฟเชนโก โฆษกสำนักงานการขนส่งทางทะเลและแม่น้ำของรัสเซียเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า "มีผู้เสียชีวิต 10 คน" พร้อมเล่าว่าเหตุไฟไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นตอนที่เรือลำหนึ่งกำลังถ่ายเชื้อเพลิงไปยังเรืออีกลำ ส่งผลให้พวกลูกเรือของทั้งสองลำต้องกระโดดลงจากเรือหนีเอาชีวิตรอด

"เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย" เขากล่าว พร้อมเผยว่าลูกเรือ 14 คนถูกพบในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้แล้ว คราฟเชนโก ยังระบุด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ของเมืองเคิร์ชกำลังเตรียมการรอรับเหยื่อ

รายงานข่าวระบุว่าเรือเคนดีและเรือมาเอสโตร มีลูกเรือทั้งจากอินเดียและตุรกี ขณะที่อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้กับช่องแคบเคิร์ช ซึ่งกลายเป็นจุดล่อแหลมแห่งใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ในเดือนพฤศจิกายน รัสเซียยิงเข้าใส่และจากนั้นก็ยึดเรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำ ในช่องแคบเคิร์ช ระหว่างที่พวกเขากำลังแล่นผ่านจากทะเลดำเพื่อมุ่งสู่ทะเลอาซอฟ

เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุเผชิญหน้าทางทหารอย่างเปิดเผยครั้งแรกระหว่างเคียฟกับมอสโกนับตั้งแต่ปี 2014 เมื่อครั้งที่รัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนและกบฏฝักใฝ่รัสเซียก่อความไม่สงบทางภาคตะวันออกของยูเครน

https://mgronline.com/around/detail/9620000007330

 

เคนยาสกัดการโจมตีบริษัทก่อสร้างจีน คาดคนร้ายเป็นพวก "อัล-ชาบับ"
เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 22:17 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่เคนยาระบุในวันจันทร์ (21 ม.ค.) ว่าตำรวจสามารถสกัดแผนของผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นพวกกลุ่มติดอาวุธ อัล-ชาบับ จากโซมาเลีย ที่พยายามโจมตีบริษัทก่อสร้างที่มีเจ้าของเป็นคนจีนในภาคตะวันออก ไม่กี่วันหลังเหตุโจมตีโรงแรมไทย

มีผู้บาดเจ็บ 1 รายขณะคนร้ายพยายามก่อเหตุโจมตีในการิสสา ไม่ไกลจากชายแดนเคนยา-โซมาเลีย บริเวณจุดเกิดเหตุนั้นเป็นพื้นที่ของบริษัทก่อสร้างถนนของจีนรายหนึ่ง ที่กำลังรับงานก่อสร้างถนนเชื่อมการิสสา-โมโดกาชี

"คนร้ายถูกโต้กลับไป เจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีความระมัดระวังมาก พวกเขายิงต่อสู้กันพักหนึ่ง แล้วคนร้ายก็หนีไป ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 รายนั้เป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่เฝ้ายาม" ตำรวจเคนยา ระบุ

ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายที่พกพาอาวุธอาจเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธจากโซมาเลีย โดยทางตำรวจมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้

ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธ อัล-ชาบับ ซึ่งมีฐานที่มั่นในโซมาเลีย ได้อวดอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีโรงแรมดุสิตดีทูของไทยและกลุ่มอาคารสำนักงานในกรุงไนโรบีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

กลุ่มดังกล่าวมักจะมุ่งเป้าก่อเหตุร้ายในเคนยาบ่อยครั้ง เพื่อล้างแค้นที่เคนยาส่งทหารเข้าไปในโซมาเลีย อย่างไรก็ตาม ในการโจมตีโรงแรมไทย พวกเขาอ้างว่าทำไปเพื่อตอบโต้การตัดสินใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

ตำรวจเคนยาทำการจับกุมคนไปแล้ว 9 ราย จากเหตุโจมตีโรงแรมดังกล่าว โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นชาวแคนา

https://mgronline.com/around/detail/9620000007311

 

ทัพอิสราเอลส่งฝูงบินถล่มที่มั่นอิหร่านในซีเรีย
เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 21:11 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ - กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่า ได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีเป้าหมายฐานที่มั่นของอิหร่านในซีเรียเมื่อช่วงรุ่งสางวันจันทร์ (21 ม.ค.) นับเป็นการประกาศที่หาได้ยากจากทางอิสราเอลที่ใช้นโยบายคลุมเครือมาโดยตลอดเกี่ยวกับการสู้รบในซีเรีย

กองทัพอิสราเอลระบุว่า เป้าหมายมีทั้งคลังเก็บอาวุธ ที่มั่นของหน่วยข่าวกรอง รวมถึงค่ายฝึกทหาร การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้จรวดภาคพื้นดินสู่ภาคพื้นดินที่ยิงเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งทางอิสราเอลสามารถสกัดจรวดดังกล่าวได้ด้วยระบบต่อต้านขีปนาวุธ Iron Dome

กลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า การโจมตีของอิสราเอลตอนรุ่งสางนั้นกินเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง และมีผู้เสียชีวิต 11 รายจากการโจมตีครั้งนี้ ด้านกองทัพรัสเซียระบุว่า มีทหารซีเรีย 4 รายอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งการโจมตีครั้งนี้มุ่งเล่นงาน 3 พื้นที่ และยังสร้างความเสียหายแก่สิ่งปลูกสร้างที่สนามบินดามัสกัส

โฆษกกองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่า การโจมตีด้วยจรวดของฝ่ายอิหร่านจนทำให้อิสราเอลต้องตอบโต้อย่างรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่มีการไตร่ตรองไว้แล้ว กองกำลังอิหร่านในซีเรียนั้นยิงขีปนาวุธระยะกลาง จากภาคพื้นดินสู่ภาคพื้นดิน โดยเป็นการยิงจากในพื้นที่กรุงดามัสกัสเข้าใส่อิสราเอล ซึ่งขีปนาวุธของอิหร่านนั้นถูกลักลอบนำเข้าไปในซีเรียเพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ

พลเอก อาซิส นาสซีซาเดห์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิหร่าน ระบุว่า กองทัพของเขาจะไม่ยอมทนและพร้อมจะต่อสู้กวาดล้างรัฐบาลของพวกไซออนนิสต์ให้หมดไปจากโลก

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ระบุว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการถล่มที่มั่นของพวกอิหร่านเพื่อตอบโต้ที่โดนยิงจรวดใส่ และไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะโจมตีตอบโต้อีก

"ใครก็ตามที่ทำร้ายเรา เราก็จะเล่นงานพวกมันกลับ ใครก็ตามที่ขู่จะทำลายเรา ก็จะต้องเจอการตอบโต้อย่างเต็มกำลัง" เนทันยาฮู กล่าวขณะไปร่วมพิธีเปิดสนามบินแห่งใหม่

โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า มีการแจ้งเตือนไปยังซีเรียก่อนการโจมตีแล้ว เพื่อให้ทางซีเรียงดทำการโจมตีเครื่องบินของอิสราเอล แต่ทางซีเรียเพิกเฉยต่อคำเตือน แถมยังยิงมิสไซล์ต่อต้านอากาศยาน อิสราเอลจึงต้องตอบโต้ด้วยการทำลายชุดยิงต่อต้านอากาศยานของซีเรีย

โฆษกฯ ย้ำว่า อิสราเอลนั้นถือว่าซีเรียจะต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยให้กองกำลังอิหร่านเข้าไปใช้ดินแดนของซีเรียเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล เป็นราคาที่ซีเรียต้องจ่ายฐานยอมให้อิหร่านใช้ดินแดนในการวางแผนและโจมตีอิสราเอล

ด้านกองกทัพรัสเซียระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียสามารถยิงสกัดขีปนาวุธร่อนของอิสราเอลได้ถึง 30 ลูก ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่อิสราเอลยังคลางแคลงใจว่าจริงหรือ

https://mgronline.com/around/detail/9620000007281

 

In Clips : อดีตรมว.คลังอังกฤษออกมาชี้ “เมย์” เลือกที่จะไม่มีข้อตกลง มากกว่าไม่มี BREXIT เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 21:37 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ - จอร์จ ออสบอร์น (George Osborne ) อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษสังกัดพรรคคอนเซอร์เวตีฟออกมาแสดงความเห็นล่าสุดว่า นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เลือกที่จะไม่มีข้อตกลง BREXIT มากกว่าความต้องการที่อังกฤษจะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกจากสหภาพยุโรป

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานล่าสุดวันนี้(21 ม.ค) ถึงสถานยการณ์ BREXIT ในอังกฤษที่ทางนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ต้องยื่นแผนบีต่อรัฐสภาอังกฤษหลังในวันอังคารที่แล้ว(15) ทางรัฐสภาลงมติไม่รับร่างข้อตกลง BREXIT

จอร์จ ออสบอร์น (George Osborne ) อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษสังกัดพรรคคอนเซอร์เวตีฟได้ออกมาแสดงความเห็นในวันนี้(21) โดยชี้ว่า ตัวเขาเชื่อมั่นว่า นายกฯหญิงจะเลือกการที่ปราศจากข้อตกลง BREXIT มากกว่าการที่จะไม่มี BREXIT โดยชี้ไปที่เวลา และเชื่อว่าเมย์ต้องเลือกพรรคไว้เป็นลำดับแรก

“จากที่เป็น อย่างไรก็ตามผมเข้าใจว่า ทำไม(เจรามีย์ คอร์บีน ผู้นำพรรคแรงงานอังกฤษ) คอร์บีนถึงไม่ต้องการเข้าสู่การเจรจากับเทเรซา เมย์ มันถือเป็นมุขที่มีชีวิตสั้นของถนนดาวน์ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันถึงการโทรศัพท์หาคณะครม.เมื่อคืนที่ได้เกิดรั่วออกมา”

และชี้ต่อว่า “เธอไม่เคยทำการเคลื่อนไหวในความต้องการที่จะชนะการสนับสนุนข้ามพรรคที่สำคัญสำหรับข้อตกลง BREXIT เพราะนั่นจะยิ่งเป็นการทำลายพรรคคอนเซอร์เวตีฟ”

โดยสื่ออังกฤษชี้ว่า เมย์ได้กล่าวกับคณะครม.ของเธอว่า เธอต้องการโอกาสอีกครั้งเพื่อจัดการปัญหาแบ็กสต็อป(ทางออกแบ็กสต็อป - the backstop เพื่อแก้ปัญหาพรมแดนไอร์แลนด์เหนือและไอร์แลนด์หลังจากที่อังกฤษลาออกจากสหภาพยุโรปแล้ว)

ออสบอร์นยังแสดงความเห็นต่อว่า “และผมทำนายว่า เมื่อถึงที่สุดเธอจะเลือกพรรคไว้ก่อนเป็นลำดับแรก และนั่นหมายความว่าเธอจะเลือกที่จะไม่มีข้อตกลง BREXIT มากกว่าที่จะไม่มี BREXIT แต่แน่นอนที่สุดที่ทางรัฐสภาอังกฤษต้องปฎิเสธเธอ ที่เราจะได้เห็นกันในสัปดาห์นี้”

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเงาจากพรรคแรงงานอังกฤษ เอมิลี ธอร์นเบอร์รี (Emily Thornberry) ได้ออกมาชี้ว่า ทางพรรคแรงงานฝ่ายค้านของเธอจะไม่ทำการผูกมัดตัวเองในการให้การสนับสนุนการจัดการลงประชามติครั้งที่ 2 จนกว่าอังกฤษจะถึงทางตันในสถานการณ์ไร้ข้อตกลง โดยธอร์นเบอร์รีถูกทางจากบีบีซีตั้งคำถามถึงข่าวการที่พรรคของเธอเลื่อนการเคลื่อนไหวสนับสนุนการเปิดลงประชามติ BREXIT รอบ 2 โดยยื้อออกไปให้นานที่สุด

https://mgronline.com/around/detail/9620000007295

 

อัฟกานิสถานช็อก! ยอดตายตอลิบานบึ้มค่ายทหารพุ่ง 126 ศพ อาคารทั้งหลังพังถล่ม เผยแพร่: 21 ม.ค. 2562 22:05 ปรับปรุง: 22 ม.ค. 2562 09:25 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุตอลิบานโจมตีกองกำลังด้านความมั่นคงอัฟกานิสถานภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดไมดานวาร์ดักในวันจันทร์ (21 ม.ค.) น่าจะมีมากกว่า 100 คน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม ปรับเพิ่มตัวเลขจากเดิมที่ทางโฆษกของผู้ว่าการจังหวัดที่บอกก่อนหน้านี้ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน

“เราได้รับข้อมูลว่ามี 126 คนเสียชีวิตในเหตุระเบิดภายในศูนย์ฝึกทหาร ในนั้นรวมถึงหน่วยคอมมานโดพิเศษ 8 นาย” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยในกรุงคาบูล

เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเหตุโจมตีเริ่มต้นตอนเช้าวันจันทร์ (21 ม.ค.) เมื่อกลุ่มคนร้ายซึ่งบรรทุกระเบิดเต็มคันพุ่งผ่านจุดตรวจทหารและจุดชนวนระเบิดภายในสถาบันฝึกกำลังพลของศูนย์อำนวยการความมั่นคงแห่งชาติ (NDS) ในำมดานชาห์ร เมืองเอกของจังหวัดไมดานวาร์ดัก

มือปืน 2 คนบุกเข้าไปในสถานบันทันทีหลังจากระเบิดถูกจุดชนวนและกราดยิงเข้าใส่ทหารอัฟกานิสถานจำนวนมาก ก่อนถูกวิสามัญฆษตกรรมระหว่างการปะทะ




พวกเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเผยว่าพวกนักรบตอลิบานใช้รถฮัมวี่หุ้มเกราะของสหรัฐฯที่ยึดไปจากกองกำลังอัฟกานิสถานเป็นคาร์บอมบ์สำหรับเปิดทางฝ่าป้อมปราการของทหาร

แหล่งข่าวคนที่ 2 เผยว่ามีกำลังพลของศูนย์อำนวยการความมั่นคงแห่งชาติเสียชีวิตมากกว่า 100 นายในเหตุโจมตีครั้งนี้ “ผมติดต่อกับเจ้าหน้าที่ NDS ในจังหวัด และพวกเขาบอกกับผมว่ามีกำลังพลของ NDS เสียชีวิตมากกว่า 100 คนในเหตุระเบิดครั้งใหญ่” อดีตเจ้าหน้าที่ของจังหวัดกล่าว

ชารีฟ โฮทัก สมาชิกสภาจังหวัดไมดานวาร์ดัก บอกว่าเขาเห็นศพของกองกำลังอัฟกานิสถาน 35 ศพในโรงพยาบาล “คนจำนวนมากถูกสังหาร หลายศพถูกลำเลียงไปยังคาบูลและผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากมายถูกเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในคาบูล” โฮทัก พร้อมระบุว่า “รัฐบาลพยายามปกปิดยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลอัฟกานิสถานเสียขวัญไปมากกว่านี้ เหตุระเบิดรุนแรงมาก อาคารทั้งหลายพังถล่มลงมาเลย”

เจ้าหน้าที่ทางการในไมดานวาร์ดักและในคาบูลปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส 2 คนของกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่าจะไม่มีการเปิดเผยยอดเหยื่อที่แท้จริง เพื่อป้องกันความปั่นป่วนในกำลังพล

เบื้องต้นโฆษกของผู้ว่าการจังหวัดไมดานวาร์ดัก บอกว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 12 รายและบาดเจ็บ 12 คน ในเหตุคาร์บอมบ์ใกล้หน่วยกองกำลังพิเศษของอัฟกานิสถาน

ทำเนียบประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ประณามเหตุการณ์นี้ว่า "ศัตรูของประเทศได้ลงมือโจมตีบุคลากรของ NDS ในไมดานวาร์ดัก พวกเขาถูกสังหาร และยังมีกำลังพลอันเป็นที่รักของเรา ลูกชายผู้สัตย์ของเราจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ"

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอัฟกานิสถานได้หยุดเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิตในเหตุโจมตีต่างๆ อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว ทาง กานี ยอมรับว่านับตั้งแต่ปี 2015 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอัฟกันถูกสังหารไปแล้วกว่า 28,000 คน

พวกนักรบตอลิบานออกมาอ้างความรับผิดชอบ โดยโฆษกของกลุ่มเผยว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 190 รายในเหตุโจมตีในค่ายทหารครั้งนี้

https://mgronline.com/around/detail/9620000007303

 

ฉีดน้ำลดฝุ่น กลางแยกอโศก 2นาที ‘น้ำท่วม’ รถจอดติดไฟแดงเปียกชุ่ม ชาวบ้านมึน วันที่ 22 มกราคม 2562 - 13:20 น.


ฉีดน้ำลดฝุ่น กลางแยกอโศก 2นาที ‘น้ำท่วม’ รถจอดติดไฟแดงเปียกชุ่ม ชาวบ้านมึน
ฉีดน้ำไล่ฝุ่น / วันที่ 22 ม.ค. โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ ฉีดน้ำไลฝุ่นบริเวณแยกอโศก แต่เกิดน้ำเกิดท่วมขังบนผิวการจราจร จนมีการแชร์ต่อกันจำนวนมาก โดยเพจ FM91 Trafficpro ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 12:20 น. จนท. ฉีดน้ำลดฝุ่น (แค่ 2 นาที) บริเวณแยกอโศก หลังจากนั้นน้ำท่วมขัง รถยนต์/จยย.ที่ติดไฟแดงอยู่เปียกไปหมด


https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_2119431

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.7 - 132km ESE of Tadine, New Caledonia
วันที่ 21 มกราคม 2562 08:36:36 น.(ไทย)
สถานที่ 21.860°S 169.119°E
ความลึก 10.0 กิโลเมตร

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j6qr/executive

แผ่นดินไหว ขนาด 5.5 - 123km ESE of Tadine, New Caledonia
วันที่ 21 มกราคม 2562 เวลา 07:35:45 น.(ไทย)
สถานที่ 21.895°S 169.015°E
ความลึก 10.0 กิฌลเมตร

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j6qe/executive

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.8 - 73km S of San Francisco del Mar, Mexico
วันที่ 21 มกราคม 2562 เวลา 18:57:17 น.(ไทย)
สถานที่ 15.569°N 94.727°W
ความลึก 10.0 กิโลเมตร

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j6tj/executive

 

แผ่นดินไหว ขนาด 6.0 -
65km SSW of Bogorawatu, Indonesia
วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 06:59:22 น.(ไทย)
สถานที่ 10.311°S 119.147°E
ความลึก 16.8 กิโลเมตร


https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j70q/executive

 

แผ่นดินไหว ขนาด 6.4 -
85km SSW of Bogorawatu, Indonesia
วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 12:10:03 น.(ไทย)
สถานที่ 10.466°S 119.031°E
ความลึก 27.0 กิโลเมตร

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j73a/executive

 

อีหม่ามนักการศาสนาชื่อดัง เสียชีวิตคาคุกซาอุฯ
โดย
กองบรรณาธิการ
-
22 มกราคม 2019

เชค อะหมัด อัล-อะมารี
อิหม่ามชาวซาอุดีอาระเบียและนักเทศน์ที่มัสยิดของศาสดาในเมืองมาดินะห์ (มัสยิดนะบาวี) เสียชีวิตในคุก รายงานระบุว่า เป็นผลมาจากการถูกควบคุมตัวในสภาพที่แย่ นักเคลื่อนไหวกล่าว อัลจาซีรารายงาน

เชค อะหมัด อัล-อะมารี (Sheikh Ahmed al-Amari) อดีตคณบดีวิทยาลัยอัลกุรอาน ในมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งมาดีนะห์ เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) หลังจากเขาถูกจับกุมมากว่า 5 เดือน กลุ่มนักเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์กล่าวว่า “เขาเป็นนักโทษทางความคิด” (Prisoners of Conscience) เพราะการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐ และถูกคุมขังในช่วงที่ซาอุดิอาระเบียปราบปรามจับกุมนักเทศน์และนักวิชาการทางศาสนาจำนวนมาก

กลุ่มดังกล่าวกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำซาอุดิอาระเบียของ “จงใจละเลย” นักการศาสนาชราอายุ 69 ปีคนนี้ และ “ทำให้เขาตาย”

ด้าน ยะห์ยา อัสซีรี ผู้อำนวยการกลุ่มสิทธิ ALQST ที่มีสำนักงานในกรุงลอนดอนกล่าวว่า อัล-อะมารี ถูกจับกุมจากบ้านของเขาในเดือนสิงหาคมท่ามกลางการปราบปรามของซาอุฯ ซึ่งรวมถึงการจับกุมหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขา “ซาฟาร์ อัล-ฮะวาลี” ซึ่งเป็นนักวิชาการมุสลิม

อัล-ฮะวาลีอายุ 68 ปี ถูกควบคุมตัวหลังจากที่เขาตีพิมพ์หนังสือ 3,000 หน้า ซึ่งรวมถึงการโจมตีเจ้าชายมูฮัมหมัด บินซัลมาน (MBS) และต่อราชวงศ์ซาอุฯ เรื่องการสร้างสัมพันธ์กับอิสราเอล

ผู้ใช้สื่อสังคมหลายคนกล่าวหาว่าการตายของ อัล-อะมารี มาจากความประมาทเลินเล่อทางการแพทย์ อัสซีรี บอกกับ สื่อมิดเดิลอีสต์อาย (MEE) ว่า อิหม่ามถูกขังเดี่ยวและ “ถูกย้ายจากคุกซะห์บาน (Dhahban) ไปยังศูนย์การแพทย์ของกษัตริย์อับดุลลาห์ในเจดดาห์ เมื่อวันที่ 2 มกราคมหลังจากมีเลือดออกในสมอง”

“ผมเชื่อว่ามันเป็นคดีฆาตกรรมระหว่างควบคุมตัวมากกว่าจะเป็นความประมาทเลินเล่อทางการแพทย์” อัสซีรี บอกกับ MEE

ซาอุดิอาระเบียยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในประเด็นนี้


https://www.publicpostonline.net/22...1yJi3DoBmR8a3PWorUcv0nGxobhI0uGsFEK3Chz5p6FVk

 

InClips:อื้ออึง!! พรรคแรงงานอังกฤษ “เรียกร้อง” ให้โหวตในสภาสามัญชนจัด BREXIT รอบ 2 แต่ “เมย์” ค้านหัวชนฝา เผยแพร่: 22 ม.ค. 2562 12:23 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(21 ม.ค) พรรคแรงงานอังกฤษได้เสนอให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สภาสามัญชนอังกฤษพิจารณาเปิดลงประชามติมติ BREXIT ครั้งที่ 2 แต่ทว่าเทเรซา เมย์ นายกฯคนปัจจุบันออกมาชี้ เปิดรอบ 2 อาจกระทบความเป็นหนึ่งเดียวของทั้งชาติ พร้อมสยบข่าวลือขยายเวลามาตรา 50 ออกไป

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(21 ม.ค)ว่า พรรคแรงงานอังกฤษได้ออกมาเสนอในวันจันทร์(21) ให้สมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษเสนอการจัดลงประชามติ BREXIT รอบ 2 ถึงแม้ว่าจะออกมาชี้ว่า “ข้อเสนอบทแก้ไข” (the amendments )นั้น ไม่มีผลผูกพันกับผู้นำพรรคในการต้องสนับสนุนหากการลงประชามติสามารถถูกจัดได้จริง

ทั้งนี้ข้อเสนอบทแก้ไข้ (the amendments )เป็นสิ่งที่ออกมาจากพรรคแรงงาน พรรค SNP และสมาชิกพรรคคอนเซอร์เวตีฟ เซอร์ เอ็ดวาร์ด ลีจ์ (Sir Edward Leigh)

พรรคแรงงานเรียกร้องรัฐบาลอังกฤษของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ให้จัดการลงประชามติ BREXIT อีกครั้ง ใน 2 ทางเลือกคือ (1) แผน BREXIT 2 หรือ (2) ให้สภาล่างอังกฤษมีมติให้การจัดลงประชามติสำหรับร่างข้อตกลง BREXIT หรือแผนข้อเสนอ(proposition)ที่ถูกสนับสนุนโดยเสียงส่วนใหญ่ของส.สอังกฤษ

ซึ่งสำหรับแผน BREXIT 2 ที่เรียกว่า “แผนทางเลือก” ของทางพรรคนั้น เดอะการ์เดียนกล่าวว่า ได้เสนอให้อังกฤษยังคงอยู่ในเขตศุลกากรหลัง BREXIT (post-Brexit customs union) ต่อไปร่วมกับสหภาพยุโรป และมีความสัมพันธ์อย่างแข็งแกร่งกับตลาดเดียวยุโรป ส่วนสิทธิของประชาชนและมาตรฐานด้านผู้บริโภคต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป

โดยหัวหน้าพรรคแรงงานอังกฤษ เจรามีย์ คอร์บีนแถลงว่า “ข้อเสนอบทแก้ไขของพวกเราจะอนุญาตให้สมาชิกสภาอังกฤษลงมติในทางเลือกเหล่านี้เพื่อยุติสถานการณ์ติดล็อก BREXIT และป้องกันความสับสนของการไม่มีข้อตกลง” และกล่าวต่อว่า “ถึงเวลาแล้วสำหรับแผนทางเลือกของพรรคแรงงานต้องเป็นจุดศูนย์กลางบนเวที ที่จะทำให้ทุกทางออกอยู่บนโต๊ะ รวมไปถึงทางออกการจัดลงประชามติครั้งใหม่”

แต่ทว่าบรรดาแกนนำแคมเปญการจัดลงประชามติ BREXIT ครั้งที่ 2 เมื่อคืนก่อนหน้า(20) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แผน BREXIT 2 โดยกลุ่มเดอะพีเพิลส์ โหวต (The People’s Vote) กล่าวว่า เป็นเหมือนหนึ่งในคำมั่นสัญญา BREXIT ทั้งหลายที่ออกมา เหมือนเช่น การไม่มีข้อตกลง หรือ โน-ดีล (no-deal) ที่ได้ออกมาโดยไม่คิดว่าจะทำได้จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเสนอให้เปิดการลงประชามติ BREXIT รอบ 2 เมย์ยืนยันซ้ำอีกครั้งในคืนวันจันทร์(21)ว่า ***เธอไม่เห็นด้วย***โดยอ้างว่าอาจเป็นภัยต่อความสามัคคีของคนทั้งชาติ พร้อมยืนยันต่อว่า ศูนย์กลางยุทธศาสตร์ของเธอคือยังคงต้องการให้มีการเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงต่อทางออกแบ็กสต็อปของไอร์แลนด์เหนือ (the Irish backstop)

นอกจากนี้เมย์ยังออกมาสยบข่าวแนวความคิดการขยายเวลามาตรา 50 ซึ่งเป็นกฎหมายสำหรับการลาออกของสมาชิก โดยตามกฎหมายแล้วอังกฤษต้องลาอย่างเป็นทางการจากสหภาพยุโรปในอีก 67 วันข้างหน้า

https://mgronline.com/around/detail/9620000007419

 

แม่บ้านโรงแรมฮ่องกงเผลอทำ “หน้าต่าง” ตกใส่นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต
เผยแพร่: 22 ม.ค. 2562 12:57 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี – พนักงานโรงแรมคนหนึ่งที่ถูกจับกุมหลังจากหน้าต่างที่เธอกำลังทำความสะอาดตกลงสู่ถนนเส้นหนึ่งในฮ่องกงและทำให้นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเสียชีวิตได้รับการประกันตัวในวันนี้ (22) ในขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนพยายามค้นหาว่าอะไรทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้

ตำรวจ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวสาววัย 24 ปีจากจีนแผ่นดินใหญ่ถูกกระแทกโดยหน้าต่างที่ตกลงมาจากชั้น 16 ของโรงแรมมิราในเขตช้อปปิ้งซิมชาซุ่ยเมื่อวานนี้ (21)

เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ทีมแพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ เพื่อนชายคนหนึ่งก็ถูกหน้าต่างบานดังกล่าวกระแทกเช่นกันแต่หลบเลี่ยงได้และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ตำรวจจับกุมคนทำความสะอาดโรงแรมภายใต้กฎหมายเอาผิดการปล่อยปละให้วัตถุตกลงจากอาคารและเป็นอันตรายต่อหรือทำให้สาธารณะชนได้รับบาดเจ็บ

อุบัติเหตุนี้ก่อให้เกิดความกังวลว่า อาจจะมีหน้าต่างบานอื่นๆ ตกลงมาจากอาคารโรงแรมสมัยใหม่สักแห่งในเมืองที่เต็มไปด้วยตึงสูงแห่งนี้อีก

โฆษกตำรวจบอกกับเอเอฟพีว่า ผู้หญิงรายนี้ได้รับการประกันตัวในวันนี้ (22) ในระหว่างรอการสอบปากคำเพิ่มเติมและจะต้องรายงานตัวในต้นเดือนกุมภาพันธ์

เมื่อวานนี้ (21) เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ชาน กาหยิง บอกผู้สื่อข่าวว่า หน้าต่างโรงแรมจะเปิดได้ด้วยกุญแจพิเศษของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

“เราเชื่อว่าคนทำความสะอาดพยายามเปิดหน้าต่าง และหน้าต่างก็ตกลงมาทันทีหลังจากเธอเปิดมัน” เธอกล่าว

มิราโฮเตลเคยกลายเป็นข่าวมาแล้วในปี 2013 เมื่อมันเป็นที่ที่จอมแฉอย่าง เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เลือกใช้เป็นสถานที่หลบภัยในฮ่องกง หลังจากเขาหลบหนีออกมาจากสหรัฐฯพร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับการสอดแนมของรัฐบาลจำนวนมาก

โรงแรมไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นของเอเอฟพี แต่สื่อทางการ ระบุว่า พวกเขารับปากว่าจะให้ความร่วมมือกับทางการ







https://mgronline.com/around/detail/9620000007437

 

มารา กล้วยตานี

BRN หมดทางต่อสู้ โดย #ทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างผิดหลักมนุษยธรรม
จากเหตุเศร้าสะเทือนใจของพี่น้องไทยพุทธกรณีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 กลุ่มอาชญากรโจรใต้ BRN บุกยิงป้อมชุดรักษาการหมู่บ้านวัดโคกโกหรือวัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้พระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บอีก 2 รูป รายละเอียดตามข่าวที่สื่อหลายแขนงได้นำเสนอ ถัดก่อนหน้านั้น (11 มกราคม 2562) ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายดอเลาะ สะไร โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านปูโปะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสเสียชีวิต ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ BRN มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดเป็นการล้างแค้นระหว่างศาสนานำไปสู่ความแตกแยกของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมในพื้นที่ อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวของ BRN เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน
จากภาพข่าวที่สื่อมวลชนซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักได้นำเสนอออกไปสู่สาธารณอย่างกว้างขวางนั้น มีสื่อหลายสำนักพยายามชี้นำสังคมให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนนำไปสู่ความเดือดร้อน ไม่ได้มีการกล่าวถึง BRN ซึ่งเป็นต้นตอและต้นเหตุแห่งความรุนแรง
ข้อเท็จจริงที่สื่อมองข้ามและไม่ได้นำเสนอกับประชาชนแท้จริงแล้ว ผกร. หมดหนทางต่อสู้ โดยหันมาทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอแทนการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังทำลายนักบวช ผู้นำศาสนาไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรืออิหม่าม อย่างโหดเหี้ยมผิดหลักมนุษยธรรม เพื่อต้องการสร้างความแตกแยก ความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาซึ่งเป็นความพยายามหลักของ ผกร. ที่ได้ทำการก่อเหตุเคลื่อนไหวมาโดยตลอดห้วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งในแง่สังคมจิตวิทยา นอกจากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นแล้วยังมีสงครามความรู้สึก สงครามทางความคิด มีการปล่อยกระแสข่าวลือเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ สื่อทุกแขนงย่อมมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่รวมทั้งการนำเสนอเผยแพร่ข่าวสารไปยังต่างประเทศ หากสื่อขาดวิจารณญาณในการนำเสนอข่าว หรือนำเสนอข้อเท็จจริงไม่ครบประเด็นหรือไม่รอบด้านแล้วจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมของรัฐบาล
หากจะกล่าวไปแล้วปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาที่รากฝังแน่นลึกมานานหลายสิบปี ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีแค่เฉพาะปัญหาความมั่นคงเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นยังเชื่อมโยงไปยังขบวนการค้ายาเสพติด การลักลอบสินค้าหนีภาษีให้การหนุนหลังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ ผกร. ใช้ก่อเหตุซึ่งหากจะกล่าวถึงคงจะเยิ่นยาว ทั้งหมดทั้งสิ้นเมื่อปัญหาภัยแทรกซ้อนผสมผสานกับปัญหาจากการก่อเหตุของ ผกร. ผลกระทบทั้งมวลประชาชนคือผู้ที่รับเต็มๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ฉะนั้นสื่อมวลชนที่พยายามชี้ให้เห็นปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นมีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าผิดพลาด ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึงจะต้องกลับไปคิดทบทวนถึงต้นตอว่าใคร? คือผู้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนดีกว่า แต่ที่แน่ๆ ณ วันนี้ BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยอย่างไร้มนุษยธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำอันป่าเถื่อน นี่หรือ!!! การเรียกร้องสันติภาพของ BRN

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 22) ความเหลื่อมล้ำไม่สิ้นโลก : ก่อนการประชุม เวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมจะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ (22 ม.ค.) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ องค์การไม่หวังผลกำไรอย่างออกซ์แฟม ในกรุงลอนดอนก็ต้องออกรายงานถึง ความเหลื่อมล้ำของโลก รายงานฉบับ ล่าสุดเผยแพร่วานนี้ (21 ม.ค.) พบว่า คนร่ำรวยสุดของโลก 26 คน ครองสินทรัพย์ เท่ากับคนยากจนสุดครึ่งหนึ่งของโลก ออกซ์แฟมจึงเรียกร้องรัฐบาลของ ทุกประเทศขึ้นภาษีคนมั่งคั่งแก้ปัญหา ความไม่เท่าเทียมกัน

รายงานออกซ์แฟมชี้ว่า ปี 2561 มหาเศรษฐีทั่วโลกมีสินทรัพย์รวมกัน เพิ่มขึ้นวันละ 2.5 พันล้านดอลลาร์

เจฟฟ์ เบซอส ซีอีโออเมซอน ชายผู้ มั่งคั่งที่สุดในโลก มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 1.12 แสนล้านดอลลาร์ แค่ 1% ที่เขามั่งคั่ง เท่ากับงบประมาณสาธารณสุขของเอธิโอเปีย ทั้งประเทศ ที่มีประชากร105 ล้านคน

ขณะเดียว ประชากร 3.8 พันล้านคน ที่ยากจนที่สุดมีสินทรัพย์ลดลง 11% ตอกย้ำว่า ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย เพิ่มขึ้นทุกขณะ บั่นทอนความพยายาม ต่อสู้ความยากจน ทั้งยังสร้างความเสียหาย ให้กับเศรษฐกิจ และเติมเชื้อความไม่พอใจ ของผู้คน

วินนี บียานยิมา ผู้อำนวยการบริหาร ออกซ์แฟมถึงกับออกปากเตือนว่า ประชาชน ทั่วโลกโกรธขึ้งคับแค้น กับสถานการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้รายงานยังชี้ถึงความแตกต่าง สุดขั้ว โดยระหว่างปี 2523-2559 รายได้ ที่เติบโตขึ้นทั่วโลกในแต่ละดอลลาร์ ตกอยู่ในมือคนยากจนสุดครึ่งหนึ่งของ ประชากรโลกเพียง 12 เซ็นต์ แต่ไปอยู่ในมือ คนร่ำรวยสุด 1% ของประชากรโลกถึง 27 เซ็นต์

เศรษฐีจ่ายภาษีน้อย

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลทั้งหลายยัง มีส่วนทำให้ความเหลื่อมล้ำแย่ลง ด้วยการ ให้งบประมาณบริการสาธารณะ เช่น สาธารณสุขและการศึกษาน้อยลงทุกที ขณะเดียวกันกลับเก็บภาษีคนมีเงินต่ำกว่า ที่ควรจะเป็น หลายๆ ประเทศจึงเรียกร้อง ให้เก็บภาษีคนมีเงินมากขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

อย่างในสหรัฐ อเล็กซานเดรีย โอคาสิโอ คอร์เตซ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ เคยตกเป็นข่าวดังเมื่อหลายวันก่อน จากข้อเสนอให้เก็บภาษีคนที่ร่ำรวยมากๆ ระดับอัลตราริชถึง 70%

ข้อเรียกร้องจาก ส.ส.หญิงผู้เรียก ตัวเองว่าเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย รายนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิรูประบบภาษีเมื่อ ปีก่อน ลดอัตราภาษีสูงสุดจาก 39.6% มาอยู่ที่ 37%

ส่วนในยุโรปขบวนการเคลื่อนไหว เสื้อกั๊กเหลือง ที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ฝรั่งเศสต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย. เรียกร้องให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ยกเลิกแผนลดภาษีให้กับผู้มี รายได้สูง

รายงานยังชี้ให้เห็นว่า อภิมหาเศรษฐี และบริษัทกำลังจ่ายภาษีต่ำกว่าที่เคยจ่าย เมื่อหลายสิบปีก่อน ส่งผลให้เกิดต้นทุน ด้านมนุษย์อย่างมหาศาลผ่านระบบการศึกษา และสาธารณสุข โรงเรียนขาดแคลนครู โรงพยาบาลขาดแพทย์ บริการภาคเอกชน ที่มีเพียงน้อยนิดซ้ำเติมคนยากคนจน แล้วให้อภิสิทธิ์แก่ชนชั้นนำ กลายเป็นว่า ทุกๆ วันประชาชนราว 10,000 คนต้องเสียชีวิต เพราะเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุข

รายงานที่เผยแพร่รับการประชุมดาวอส ที่บรรดามหาเศรษฐี คนดัง และผู้มีอิทธิพล มารวมตัวกันเป็นประจำทุกปี จึงเรียกร้อง ให้รัฐบาลทั่วโลกหยุดแข่งขันกันลดภาษี ให้คนมั่งคั่งและมีบริษัทใหญ่ได้แล้ว เพราะหากกลุ่มคนที่มั่งคั่งที่สุดเสียภาษีเพียง 0.5% จากสินทรัพย์ที่มี ก็อาจระดมเงินได้ มากกว่าที่ต้องใช้เป็นทุนการศึกษาของ เด็กด้อยโอกาสทั้ง 262 ล้านคน และจัด บริการสาธารณสุขช่วยชีวิตประชาชน ได้ถึง 3.3 ล้านคน

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 22) หุ้นกู้อสังหาดอกพุ่ง- ธปท.จับตาหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน หวั่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ต้นทุนพุ่งหลังดอกเบี้ยในประเทศขยับ

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงปี 2562-2563 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พบว่าต้นทุนการระดมทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในภาวะขาขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่ไม่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ ผู้ออกตราสารอาจมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ที่จะประสบปัญหาในการ ออกตราสารใหม่ ทดแทนตราสารหนี้เดิมที่ครบกำหนด

ขณะที่บางบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นค่อนข้างสูง ซึ่งอาจมีผลต่อการพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ใหม่มาทดแทนหุ้นกู้เดิมที่หมดอายุในระยะต่อไปได้ หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะกระทบต่อต้นทุนทางการเงินเช่นกัน

"9 เดือนแรกปี 2561 มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกหุ้นกู้เพื่อขยายธุรกิจ 1.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 แต่เป็นการออกหุ้นกู้ในช่วงอายุมากกว่า 1 ปี 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน" รายงานข่าวระบุ

ด้านสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ จากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก ในขณะที่ ธปท.ก็ขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้จะมีผล กระทบถึงธุรกิจภาคเอกชนที่กำลังจะระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้และผู้ที่ออกหุ้นกู้ไปแล้วจะครบกำหนดไถ่ถอนใน ปีนี้อาจมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มีหุ้นกู้เอกชนที่จะครบกำหนดอายุไถ่ถอนปีนี้ร่วม 5.68 แสนล้านบาท หรือ 16% ของมูลค่าคงค้างตลาดหุ้นกู้ 3.5 ล้านล้านบาท ถือว่ามีมูลค่าสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม 94% หรือ 5.25 แสนล้านบาท เป็นหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งในระดับที่น่าลงทุนกว่า 4.5 แสนล้านบาท เครดิต A- และหุ้นกู้อันดับ BBB-, BBB, BBB+ ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ส่วน 7% หรือประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท เป็นหุ้นกู้ไม่มีเรตติ้ง โดย 1.95 หมื่นล้านบาท อยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

น.ส.อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ กล่าวว่า การครบกำหนดชำระของหุ้นกู้จะไม่มีผลทำให้สภาพคล่องในระบบลดลง สภาพคล่องที่มีอยู่รองรับได้

Source: Posttoday

 

แดง วงศ์ทวิชาติ

22 Jan 2019
#earthquakesdisaster
* ไหวครั้งที่2 ติดต่อกันในเวลาแค่ 6 ชม. มุดลงลึกมากขึ้น เป็นสลิป ในพิกัดใกล้จุดเดิมๆ. น่าห่วงจริงๆ..!!!
> แต่ยังไม่ถึงระดับ M7+ ติดตามเฝ้าระวังกัน..!!!

#M 6.0 - 65km SSW ของ Bogorawatu, อินโดนีเซีย
2019-01-21 23:59:22 (UTC)
10.311 ° S 119.147 ° E
ความลึก 16.8 กม
<> แผ่นดินไหวในอินโดนีเซีย: ขนาด 6.1 สั่นสะเทือน ROCKS Sumbawa - วงแหวนแห่งไฟ
สั่นแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ที่แข็งแกร่ง ได้โจมตีเกาะอินโดนีเซียในวันนี้จากการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ <>
โดยBILL MCLOUGHLIN

01:24, อ., 22 ม.ค. 2019 | ปรับปรุง: 02:04, อังคาร, 22 มกราคม, 2019
◇ แผ่นดินไหวในอินโดนีเซีย: เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ที่ถล่มอินโดนีเซีย(ภาพ: ด่วน)

แผ่นดินไหวพุ่งไปทางใต้ของเกาะซัมบาวา ของอินโดนีเซีย อินโดนีเซียมีประวัติศาสตร์ที่
น่าสะพรึงกลัว และโชคร้ายที่เกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากมีตำแหน่งในวงแหวนแห่งไฟ แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประเทศได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอมบอก และเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ซูลาเวซีเมื่อปีที่แล้ว

เกาะอินโดนีเซียขนาดใหญ่มีประชากรเกือบ 1.4 ล้านคนและตั้งอยู่ในเกาะ Lesser Sunda
ไม่มีการเตือนภัยสึนามิทันทีหรือรายงานความเสียหายหรือการบาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกถึง 16 ไมล์และไปทางใต้ของ Raba ทางใต้ของเกาะ 136 ไมล์
Raba ทางตะวันออกของเกาะซัมบาวา เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนูซาเต็งการาตะวันตก

เนื่องจากความลึก และตำแหน่งของศูนย์กลางของแผ่นดินไหวทำให้รู้สึกถึงผลกระทบที่อยู่ใกล้กับพื้นผิว

◇ ผู้คนมากกว่า 100 คนเสียชีวิต เมื่อแผ่นดินไหวได้ทำลายเกาะท่องเที่ยวลอมบอกใกล้กับบาหลีในเดือนสิงหาคม

◇ ในเดือนกันยายนเกิดแผ่นดินไหวขึ้น บริเวณรอบ ๆ ปาลูบนเกาะสุลาเวสีในภาคเหนือของอินโดนีเซีย

แผ่นดินไหวขนาด 7.5 เกิดจากสึนามิ และภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งสองร่วมกันทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในภูมิภาค เพื่อลดพื้นที่ส่วนใหญ่ของปาลูและเมืองอื่น ๆ

<> การเกิดแผ่นดินไหวที่สำคัญ 30 วันที่ผ่านมา <>

> 6.7- 15km SSW ของ Coquimbo ประเทศชิลี
2019-01-20 01:32:51 UTC53.0 กม

> 6.6 - 96km NW ของ Sola, วานูอาตู
2019-01-15 18:06:34 UTC35.0 กม

> 5.0 -15km NW ของ Anchorage, Alaska
2019-01-13 16:45:55 UTC39.0 กม

> 6.3- 16km SSE ของ Nishinoomote, Japan
2019-01-08 12:39:31 UTC35.0 กม

> 6.6 - 151km WNW เมือง Tobelo ประเทศอินโดนีเซีย
2019-01-06 17:27:20 UTC60.0 กม

> 6.8- 90km W ของ Tarauaca, Brazil
2019-01-05 19:25:38 UTC571.2 กม

> 5.0 -11km NNW ของ Anchorage, Alaska
2019-01-01 03:03:30 UTC44.4 กม

> 7.0 - 83km ESE ของ Pondaguitan, Philippines
UTC 20.19 น. 2018-12-29 03:39:09 UTC60.1 ก

> 4.9 - 17km NW ของ Anchorage, Alaska
2018-12-27 14:21:13 UTC35.0 กม

> 5.4 - 6km ENE จากซานดิเอโก, เวเนซุเอลา
2018-12-27 08:59:11 UTC8.0 กม

> 5.0 - 2km ENE ของ Trecastagni, อิตาลี
2018-12-26 02:19:14 UTC1.0 กม

> 6.4 - 94km N ของ Nuku`alofa, ตองกา
2018-12-23 23:08:43 UTC113.0 กม

USGS | M 6.0 - 65km SSW of Bogorawatu, Indonesia https://earthquake.usgs.gov/earthqu...VM-S_GjytWjcOCfzThrGzZuLC324zVA1nEioyO5u7vWgA

Gempa 6,2 Magnitudo di Sumba Barat Dirasakan hingga 2 Wilayah di NTB
http://kom.ps/AFytRP









Second quake, with magnitude 6.6, hits Indonesia's Sumbawa
https://www.channelnewsasia.com/new...QLAQKiszak45Ux2AIFPbjlZqk5qW5v5_MnZnw8-JVRhXw

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Jan 22) ครม.ไฟเขียวคุม 'ค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าบริการทางการแพทย์' : ครม.ไฟเขียวให้นำยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เข้าเป็นสินค้าและบริการควบคุม ตามข้อเสนอกระทรวงพาณิชย์ แต่ให้ ตั้งอนุกรรมการหารือแนวทาง ยันรัฐไม่กำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลสูงสุด ไม่แทรกแซง แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมวันนี้ (22 ม.ค.) มีมติเห็นชอบให้นำยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เข้าเป็นสินค้าและบริการควบคุมตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

รวมทั้งให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนภาคประชาชน และตัวแทนสถานพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อมาพิจารณาแนวทางที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ในการดำเนินงานร่วมกันที่เหมาะสมเพื่อเสนอให้กับคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ตามขั้นตอนต่อไป

“รัฐบาลไม่ได้ต้องการเข้าไปแทรกแซงราคาแต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะไม่ได้กำหนดราคาเพดานสำหรับบริการทางการแพทย์แต่อย่างไร ซึ่งแนวทางข้อสรุปจะได้จากการหารือกับอนุกรรมการฯที่จัดตั้งขึ้นต่อไป”นายสนธิรัตน์กล่าว

Source: BoTSS
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ฝ

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824847