ติดตามสถานะการณ์

นอร์เวย์ : เมืองอัลตา ดินสไลด์บ้าน7หลังได้รับความเสียหาย

# บ้านริมทะเลระวัง

 

เวียดนาม : จังหวัด Bac Giang พื้นที่ปลูกลิ้นจี่ใหญ่ที่สุดผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดคาดว่าปีนี้ประมาณผลผลิต 160,000 ตัน มากกว่าปีที่แล้ว 10000 ตัน
พ่อค้าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่มารับซื้อผลผลิตประมาณ 62% แต่ปีนี้พ่อค้าราว 300 กว่าคนต้องโดนกักตัวโควิด 14 วันก่อนเข้าประเทศมาซื้อลิ้นจี่เพื่อส่งออกไปจีน ปีที่แล้วมีพ่อค้าชาวจีนกว่า 400 คนรับซื้ิอผลผลิตถึง 78000 ตัน ราคาลิ้นจี่ตอนนี้ประมาณ 20 บ./กก. หากผลผลิตออกมากขึ้นราคาอาจตกลง

**ภาพชาวสวนรายย่อยขนลิ้นจี่ไปส่งตลาดค้าส่ง
Cr: ภาพ. Kenh14

 

อิตาลี : แบร์กาโมเมืองในแคว้นลอมบาร์เดียประเทศอิตาลี อากาศที่เปลี่ยนแปลงวานนี้พายุลูกเห็บถล่มยับ

 

อินเดีย : มุมไบ พายุไซโคลนนิซากา ได้ลดกำลังลง
ความเสียหาย เสียชีวิต 3 ราย เครื่องบินขนส่งสินค้า 1ลำไถลออกนอกรันเวย์สนามบินมุมไบ บ้านเรือนเสียหาย รถยนต์โดนต้นไม่ทับหลายคัน ความเสียหายอาจไม่สูงเท่าการคาดการณ์ตอนแรกเนื่องจากมีการประกาศ พรบ.ฉุกเฉินห้ามออกไปพื้นที่เสี่ยงพายุ 24 ชม. รวมทั้งอยู่ใกล้เสาไฟต้นไม้ใหญ่

 

มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า มีการทำโพลถามประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา ได้ข้อมูลว่ามีมากกว่า 50% สนับสนุนทางการให้ใช้กำลังทหารร่วมกับการทำงานของตำรวจ ในการควบคุมม็อบผิวสีที่เกิดขึ้นทั่วประเทศสหรัฐในขณะนี้
.
หลังจากที่มีประชาชนมากมายนับแสนคน ลงถนนเดินขบวนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่เสียชีวิตด้วยการถูกตำรวจใช้เข่ากดลำคอจนขาดอากาศหายใจขณะทำการจับกุม
แต่การก่อม็อบของหลายๆที่ กลับเลยเถิดเป็นการใช้กำลังกลุ่มคนเข้าปล้นชิง ทำลายสถานที่ราชการ และร้านค้าต่างๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละท้องที่ต้องออกมารักษาความสงบเรียบร้อย
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอในความรู้สึกของชาวสหรัฐอื่นๆ ที่ต้องการให้ทหารออกมาช่วยเหลือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงให้ได้
.
เพราะผลการสำรวจโพลโดย Morning Consult data intelligence company ที่ทำการสำรวจตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. – 1 มิ.ย. ได้เปิดเผยว่า 58% ของประชาชนชาวอเมริกา สนับสนุนความคิด การให้ทหารลงมาจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วง
โดยมีเพียง 30% ที่เห็นตรงข้ามว่า ทหารไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว (ผู้ร่วมโหวต 1,624 คน ผ่านการลงทะเบียนออนไลน์)
.
ในขณะเดียวกันนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกรวมกำลังพลของกองทัพที่กรุง วอชิงตัน ดี.ซี. หลังจากมีกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่อยู่ใกล้กับทำเนียบขาว ซึ่งเป็นที่ทำงานและที่พำนักของประธานาธิบดี และนายทรัมป์ยังมีความต้องการที่จะส่งกองกำลังทหารไปจัดการดูแลความสงบที่รัฐอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.rt.com/usa/490578-americans-support-military-protests-poll/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

"รัฐบาลเยอรมนีฉีดยาแรงสนับสนุนประชาชนและภาคธุรกิจ"

สำหรับคนที่ดูแถลงข่าวกลางดึกของเมื่อคืนน่าจะตื่นเต้นไม่น้อยกับมาตรการสนับสนุนทั้งประชาชนและภาคธุรกิจที่รัฐบาลเยอรมนี อัดฉีดเงินกว่า

130,000,000,000 Euro หรือ 130 พันล้าน Euro
(คิดเป็นเงินไทยก็ X 35)

เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วนโดยสรุปมาตรการ การช่วยเหลือออกมาได้ดังนี้

1. จะทำการ มอบ Corona-familienbonus ให้กับเด็กทุกคน คนละ 300 Euro (ตกแล้วคนละประมาณ 10,000 บาท) โดยจะทำการจ่ายผ่านขั้นตอนของการจ่ายเงินเด็กหรือ Kindergeld ตามปกติ

2. ทำการลดภาษีในช่วงเดือน 01.07.2020 จนถึง 31.12.2020

3. อัตราภาษีที่ลดลงคือจากเดิม 19% ลดลงเหลือ 16% สำหรับกิจการปกติ (Mehrwertsteuer) / และในกลุ่มกิจการพิเศษเช่น สินค้าอุปโภคบริโภค, หนังสือ การเกษตรจากเดิม 7% เป็น 5%

ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นนโยบายที่จะช่วยลดค่าครองชีพและสนับสนุนกิจการต่างๆ ของเยอรมนีให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี และหลังจากนี้จะมีนโยบายอะไรออกมาอีก

"เมื่อลูกหลับ เราจะแอบมารายงานแน่นอนครับ"

#พ่อบ้านเยอรมัน

ที่มา:
https://oeffentlicher-dienst-news.de/corona-familienbonus/

https://www.tagesschau.de/inland/konjunkturpaket-113.html

 

"เหลือผู้ติดเชื้อเพียง 4.73% เท่านั้น!!!!"

ส่วนตัวพ่อบ้านมองว่าสถานการณ์การติดเชื้อของเยอรมันถือว่าคงตัว และค่อนข้างดีมากเลยครับ ถ้ามองจากตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียว

โดยยอดผู้รักษาหายนั้นคิดเป็น 90.60%
เสียชีวิตคิดเป็น 4.65%

โดยผู้ติดเชื้อทั้งรายใหม่และรายเก่ากำลังทยอยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จน"จำนวนติดเชื้อสุทธิ" ในบางรัฐนั้นเหลือผู้ติดเชื้อแค่หลักสิบคนเท่านั้นครับ ถือว่าดีต่อใจมากเลย

ข้อมูล ณ วันที่ 02.06.2020 เวลา 20:00 นะครับ

สถานการณ์ภาพรวมของเยอรมนี

ติดเชื้อสะสม 183,879 ราย
รักษาหาย 166,609 ราย = 90.60%
เสียชีวิต 8,563 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 8,707 ราย

Bayern

ติดเชื้อสะสม 47,298 ราย
รักษาหาย 43,140 ราย
เสียชีวิต 2,472 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 1,686 ราย

Nordrhein-Wesfalen

ติดเชื้อสะสม 38,100 ราย
รักษาหาย 34,800 ราย
เสียชีวิต 1,599 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 1,964 ราย *สูงที่สุด*

Baden-Württemberg

ติดเชื้อสะสม 34,796 ราย
รักษาหาย 32,100 ราย
เสียชีวิต 1,760 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 936 ราย

Niedersachsen

ติดเชื้อสะสม 12,069 ราย
รักษาหาย 10,700 ราย
เสียชีวิต 599 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 770 ราย

Hessen

ติดเชื้อสะสม 10,060 ราย
รักษาหาย 9,000 ราย
เสียชีวิต 480 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 580 ราย

Rheinland-Pfalz

ติดเชื้อสะสม 6,704 ราย
รักษาหาย 6,246 ราย
เสียชีวิต 230 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 228 ราย

Berlin

ติดเชื้อสะสม 6,873 ราย
รักษาหาย 6,358 ราย
เสียชีวิต 198 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 317 ราย

Sachsen

ติดเชื้อสะสม 5,309 ราย
รักษาหาย 4,900 ราย
เสียชีวิต 211 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 198 ราย

Hamburg

ติดเชื้อสะสม 5,098 ราย
รักษาหาย 4,800 ราย
เสียชีวิต 253 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 45 ราย

Brandenburg

ติดเชื้อสะสม 3,286 ราย
รักษาหาย 3,010 ราย
เสียชีวิต 170 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 106 ราย

Schleswig-Holstein

ติดเชื้อสะสม 3,103 ราย
รักษาหาย 2,900 ราย
เสียชีวิต 145 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 58 ราย

Saarland

ติดเชื้อสะสม 2,732 ราย
รักษาหาย 2,499 ราย
เสียชีวิต 165 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 68 ราย

Thüringen

ติดเชื้อสะสม 3,020 ราย
รักษาหาย 2,630 ราย
เสียชีวิต 163 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 227 ราย

Sachsen-Anhalt

ติดเชื้อสะสม 1.708 ราย
รักษาหาย 1,604 ราย
เสียชีวิต 55 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 49 ราย

Bremen

ติดเชื้อสะสม 1,448 ราย
รักษาหาย 1,200 ราย
เสียชีวิต 42 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 206 ราย

Mecklenburg-Vorpommern

ติดเชื้อสะสม 761 ราย
รักษาหาย 722 ราย
เสียชีวิต 20 ราย
ติดเชื้อสุทธิ 19 ราย * น้อยที่สุด***

ติดเชื้อสะสมที่ไม่ระบุรัฐ 1,514 ราย

"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากครับ เดี๋ยวจะมา Update ให้ฟังในบทความถัดไป"

#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #Germany #German #เยอรมนี

ที่มาของตัวเลข
https://interaktiv.morgenpost.de/corona-virus-karte-infektionen-deutschland-weltweit/

 

ถามว่าแดดเยอรมันร้อนแค่ไหน "ดูเอา!!!" แค่วางป้ายจอดรถแล้วลืมไว้ สามสี่ชั่วโมง กลับมาสภาพเป็นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่เข้าเดือนที่ร้อนสุดๆ นะเนี่ย

ตายๆๆ คุณแม่บ้านเพิ่งซื้อมาให้ไม่นานด้วย

ปล. ใครอยากผิวแทนมาลองอาบแดดช่วงนี้ดูครับรับรองผล 100%

#พ่อบ้านเยอรมัน

 

วันนี้เกิดเรื่องน่าหวั่นวิตก เมื่อเมืองหลวงของญี่ปุ่นกลับมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นเกินกว่า 30 ราย ทางการกรุงโตเกียวต้องส่งสัญญาณเตือน รัฐบาลเผชิญความยากลำบากในการชั่งน้ำหนักระหว่างการป้องกันโรค และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
.
โดยแสงไฟบนสะพานเรนโบว์ บริดจ์ สัญลักษณ์ของอ่าวโตเกียว รวมถึงอาคารที่ว่าการกรุงโตเกียว ได้เปลี่ยนเป็นสีแดง เพื่อเป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงของไวรัสโคโรนา ที่เรียกว่า Tokyo Alert หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม 34 ราย ถือเป็นครั้งแรกที่จำนวนดังกล่าวมีมากเกิน 30 คนในรอบประมาณ 3 สัปดาห์
.
นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ได้ออกคำเตือนหลังจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากกรุงโตเกียวเพิ่งปลดล็อกระยะที่ 2 ผ่อนคลายข้อจำกัดเพิ่มเติมให้แก่ธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง ซึ่งผู้ว่าการกรุงโตเกียวเรียกร้องให้ประชาชนยังคงเฝ้าระวัง แต่ยังยืนยันว่าต้องการที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอีกครั้ง พร้อม ๆ ไปกับการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
.
โดยการติดเชื้อระลอกล่าสุดในเมืองหลวงของญี่ปุ่น เชื่อว่ามีต้นตอจากโรงพยาบาลแห่งหนี่ง และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นคนหนุ่มสาวที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดแล้วเกิดการแพร่เชื้อต่อกัน ซึ่งหลังมีการประกาศ Tokyo Alert จำนวนผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียวเมื่อวานนี้ (3มิ.ย.) อยู่ที่ 12 ราย แต่คาดว่า การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในญี่ปุ่นยังคงมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ โดยเฉพาะการกินดื่มสังสรรค์ยามกลางคืน ซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อได้มากที่สุด
.
ทั้งนี้การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มากขึ้น ทำให้ทางการกรุงโตเกียว ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับการตัดสินใจปลดล็อกขั้นที่ 3 เพื่อให้สถานบันเทิง ร้านคาราโอเกะ และบาร์ กลับมาเปิดบริการได้

-------------------------------
แหล่งข่าว

http://japan-forward.com/second-pha...es-alert-after-fresh-spike-in-covid-19-cases/

https://mgronline.com/japan/detail/9630000057829
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

หลังจากมีประเด็นเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการการบินไทย ทำให้มีบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิหลายฝ่ายออกมาให้ความคิดเห็นในประเด็นนี้ รวมทั้งอดีตอธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ และอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวันชัย รุจนวงศ์ ที่ออกมาให้ความเห็นน่าสนใจ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีการทุจริตในบริษัทการบินไทย โดยระบุว่า
.
“จากการเตรียมทำแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย มีข่าวว่า พบการเช่าเครื่องบินที่สุดโหดโคตรแพง ที่ทำให้ขาดทุน การเช่าเครื่องบินของการบินไทย เช่าผ่านนายหน้าหลายทอด ค่าหัวคิว บวกใต้โต๊ะ อื้อซ่า อันนี้ผู้บริหารการบินไทยทำกันเองกินกันกันเอง ทำเอาต้นทุนสูง บินอย่างไรก็เจ๊ง มีใต้โต๊ะแทบจะทุกข้อตกลง”
.
“นี่ถ้าไม่ฟื้นฟูกิจการ เรื่องพวกนี้ก็ยังอยู่ใต้โต๊ะต่อไป เหลือบทั้งหลายคอยดูดเลือดกันเปรมปรีย์ต่อไป พอฟื้นฟูกิจการ เหมือนเอายันต์ปิดหัวคนป่วยที่ปอปเข้าสิง ตอนนี้ผีปอปดิ้นรนทุรนทุราย กรีดร้อง เพราะกลัวถูกจับได้ และจะอดกินต่อ”
.
“หลังฟื้นฟูกิจการ ควรจะมีคดีทุจริตตามมาเยอะนะครับ เพราะในช่วงนั้น การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ พนักงานการบินไทยถือว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ การโกงของคนการบินไทย เป็นความผิดฐานทุจริต โทษถึงประหารชีวิต บางกรณีก็จำคุกตลอดชีวิต คนที่ร่วมโกงด้วย ผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในการทุจริต รับโทษสองในสาม โทษสูงไม่น้อยเลย”
.
“กระบวนการตอนนี้ เหมือนการทะลวงรังปลวก การทุจริตที่ลึกลับซับซ้อนจะถูกงัดเอาขึ้นมาบนโต๊ะหมดละครับ ผีปอบ ผีเปรตทั้งหลาย เจอผ้ายันต์ฟื้นฟูเข้า ร้องโหยหวนกันสนั่นเมืองเลย รวมทั้งบอร์ดที่มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง มีนอกมีในในกระบวนการตัดสินใจด้วย”
.
“อย่าลืมเอาการรถไฟไทย เข้าขบวนการฟื้นฟูกิจการอีกอันนะครับ”

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.facebook.com/wanchai.roujanavong
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

มีรายงานจากทาง AFP ว่า เมื่อวานนี้ หัวหน้าหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ได้ประณามโครงสร้างเหยียดผิวในสหรัฐฯ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับเหตุทำร้ายสื่อมวลชนหลายกรณีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะกำลังรายงานข่าวการประท้วงทั่วอเมริกา หลังการเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของจอร์จ ฟลอยด์
.
โดย มิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยืนยันว่า ความคับข้องในหัวใจของพวกผู้ประท้วง ซึ่งปะทุขึ้นในหลายร้อยเมืองทั่วสหรัฐฯ จำเป็นต้องได้รับฟัง และจัดการแก้ไข หากประเทศแห่งนี้ต้องการเดินทางต่อไป
.
โดยบาเชเลต์ กล่าวในถ้อยแถลงโดยระบุว่า “เสียงเรียกร้องให้หยุดการกระทำรุนแรงของตำรวจ จำเป็นต้องได้รับการรับฟัง และเสียงเรียกร้องขอให้หยุดการเหยียดเชื้อชาติเฉพาะถิ่น และโครงสร้างเหยียดเชื้อชาติที่ก่อความเสียหายแก่สังคมสหรัฐฯ จำเป็นต้องได้รับการรับฟัง”
.
ซึ่งความเห็นของเธอมีขึ้นในขณะที่ ประชาชนหลายหมื่นคนทั่วสหรัฐฯ ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกมาชุมนุมกันอีกคืน ในการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวของตำรวจ ตามหลังการตายของฟลอยด์ พลเมืองอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกัน ที่ไม่มีอาวุธ ซึ่งถูกตำรวจจับ และใช้เข่าทับคอจนขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (25 พ.ค.)
.
โดย บาเชเลต์ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการมีผู้นำที่ชัดเจน และสร้างสรรค์ในการนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤต “โดยเฉพาะระหว่างวิกฤตหนึ่งๆ ประเทศหนึ่งๆ จำเป็นต้องมีพวกผู้นำที่ประณามการเหยียดผิว รับฟังเสียงสะท้อนว่าอะไรที่ขับเคลื่อนประชาชนไปสู่จุดเดือด รับฟัง และเรียนรู้ พร้อมทั้งดำเนินการเพื่อจัดการอย่างจริงจังกับประเด็นความไม่เท่าเทียม”
.
ซึ่งคำแนะนำของบาเชเลต์ มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมินเฉยต่อบทบาทดั้งเดิมของประธานาธิบดี ในฐานะผู้เยียวยาระหว่างวิกฤต มิหนำซ้ำเขายังประกาศจะใช้ทหารปราบปรามการประท้วงรุนแรง และปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเขาใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมอย่างสันติ
.
ถ้อยแถลงของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อ้างถึงรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการใช้กำลังโดยไม่จำเป็น และเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสหรัฐฯ ระหว่างการชุมนุม “แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และสเปรย์พริกไทย ถูกยิงเข้าใส่ผู้ประท้วง และผู้สื่อข่าว ผู้ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงที่จะเป็นภัยคุกคามใด ๆ เลย”
.
บาเชเลต์ แสดงความกังวลโดยเฉพาะกับรายงานข่าวที่ว่า มีผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 200 คน ถูกโจมตีหรือถูกจับกุมระหว่างรายงานข่าวการประท้วง แม้ว่ามีการแสดงบัตรสื่อมวลชนให้เห็นอย่างชัดเจน “สิ่งที่เกิดขึ้น คือการทำร้ายผู้สื่อข่าวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในบางกรณี ถึงขั้นถูกเล่นงาน หรือจับกุมขณะออกอากาศ
.
แต่ที่น่าช็อกกว่า คือมันเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ดินแดนที่สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของสื่อมวลชนเป็นหลักการพื้นฐาน เป็นแก่นกลางตัวตนของประเทศ” ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าว “ผู้สื่อข่าวต้องสามารถทำงานสำคัญได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกเล่นงานหรือปราบปรามใดๆ”
.
อย่างไรก็ตาม บาเชเลต์ ยังเรียกร้องพวกผู้ประท้วง ให้อดกลั้นจากการใช้ความรุนแรง และแสดงความเสียใจที่หลายคน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ที่ต้องมาจบชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบ ในขณะที่อีกหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินจำนวนมากได้รับความเสียหาย “ความรุนแรง ปล้นสะดม และทำลายทรัพย์สิน และย่านที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ไม่อาจแก้ปัญหาความโหดร้ายของตำรวจ และการเลือกปฏิบัติ” เธอกล่าว
.
นอกจากนี้แล้ว เธอยังแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อถ้อยแถลงต่าง ๆ ที่หาทางตราหน้าพวกผู้ประท้วงว่าเป็นก่อการร้าย “เราไม่สามารถคลางแคลงใจได้เลยว่าอะไร หรือใครอยู่เบื้องหลังการประท้วง เราได้เห็นคนหลายพันหลายหมื่นชุมนุมกันอย่างสันติ คนที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน ออกมารวมตัวบนท้องถนน เพื่อเรียกร้องสิทธิของพวกเขา และร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลง”
.
ทางข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยอมรับว่า การเหยียดผิวทางโครงสร้าง และการใช้ความรุนแรงของตำรวจถูกพบเห็นในทั่วทุกมุมโลก แต่เธอเตือนว่า “ความโกรธแค้นที่พบเห็นปะทุขึ้นในสหรัฐฯ ในขณะที่โควิด-19 เปิดโปงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม แสดงให้เห็นว่าทำไมการปฏิรูปอย่างกว้างขวาง และการพูดอย่างครอบคลุมจึงมีความจำเป็น เพื่อทำลายวงจรแห่งการคุ้มกันตำรวจจากการฆ่าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการมีอคติทางสีผิว”

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.straitstimes.com/world/...-slams-structural-racism-in-us-after-protests

https://mgronline.com/around/detail/9630000057811
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ประเด็นการปล้นร้านค้า และบุกเผาทำลายแหล่งธุรกิจในสหรัฐฯ กลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงขึ้นมาทันที เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามว่ากลุ่มผู้เรียกร้องกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
.
ล่าสุดคนเอเชียในสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในความทุกข์ใจ และกังวล เนื่องจากธุรกิจของพวกเขาถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีบุกเข้ามาปล้น และทำลายข้าวของ มีรายงานว่าร้านค้า และธุรกิจของคนเอเชียถูกทำลายใน 6 รัฐของสหรัฐฯ เป็นอย่างน้อย เช่นที่ รัฐมินนีโซตา เมืองชิคาโก นครนิวยอร์ก เมืองโอกแลนด์ เมืองซานฟรานซิสโก เมืองลอสแองเจลิส
.
ตัวอย่างเช่นที่ย่าน Little Tokyo ของชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นในใจกลางเมืองลอสแองเจลิส มีร้านค้าหลายร้านถูกบุกปล้น หนึ่งในร้านที่ถูกปล้นคือ JapanLA โพสต์อินสตาแกรมของร้านบอกว่า
.
"เราสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ Black Lives Matter ฉันเชื่อว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำนั้น (แต่) ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิดและถูกปิดเป็นเวลา 2 เดือน พวกคุณที่บอกว่าเราแค่สร้างขึ้นมาใหม่ และเรามีประกัน ถือเป็นการซ้ำเติมเราตอนที่เราล้มลง"
.
ที่ย่าน Chinatown ของคนเชื้อสายจีนในซานฟรานซิสโกก็ถูกปล้นและทำลายข้าวของเช่นกัน ทั้งๆ ที่ย่านคนเอเชียไม่เกี่ยวอะไรกับการเหยียดผิวคนผิวดำ ตรงกันข้ามคนเอเชียกำลังถูกคนสีผิวต่างๆ เหยียดหยามเพราะกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของโคโรนาไวรัส จนธุรกิจต่างๆ ไม่มีคนไปใช้บริการ
.
Dion Lim ผู้สื่อข่าวของ ABC7 ได้โพสต์คลิปกลุ่มจลาจลประมาณ 30 คนที่บุกเข้าไปในร้านคนเอเชียเพื่อปล้นสิ่งของ เธอบอกว่า “ นี่เป็นกลุ่มโจรประมาณ 30 คนบุกเข้าไปในร้านเมื่อช่วงดึก ในย่านที่ธุรกิจประสบกับการขาดทุนเพราะการเหยียดอยู่แล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายเอามากๆ"
.
ที่เมืองมินนีแอโพลิสต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ มีร้านของชาวเอเชียชื่อ Yuan Yuan Restaurant ถูกทำลาย แต่แล้วมีชายชาวผิวดำคนหนึ่งชื่อ Keivaris Anthony มาถ่ายคลิปที่ร้านซึ่งวอดวายจากการจลาจล จากนั้นถามชายที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้านว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์จะตอบ ชายผิวดำจึงหยิบขวดน้ำเลมอนไปโดยไม่จ่ายเงินแล้วพูดจาหยาบคายใส่ จากนั้นเดินหนีไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
.
ก่อนหน้านี้ นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุประท้วงจลาจลในสหรัฐฯ โดยแจ้งว่ามีร้านค้า และธุรกิจที่คนไทยเป็นเจ้าของในนครชิคาโก และนครลอสแอนเจลิส ได้รับผลกระทบหนัก หลังจากผู้ที่อาศัยความรุนแรงของสถานการณ์ทำลายทรัพย์สิน และโจรกรรม
.
นายเชิดเกียรติ กล่าวอีกว่า สถานทูตประจำกรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลใหญ่ทั้ง 3 แห่งในสหรัฐฯ ได้แก่ นครนิวยอร์ก นครลอสแอนเจลิส นครชิคาโก ได้ประสานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกับผู้แทนชุมชนไทยต่างๆ ด้วยความห่วงใย

โดยได้ขอให้คนไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐท้องถิ่น ระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ โดยไม่จำเป็น และประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อสถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ในกรณีเร่งด่วนฉุกเฉินด้วยแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากคนไทยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน สามารถติดต่อได้ทาง Hotline สายด่วน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (202) 999-7690 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส (323) 580-4222 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก (773) 294-5933 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก (646) 842-0864 หรือทางอีเมล protection@thaiembdc.org

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://nextshark.com/george-floyd-asian-american-businesses/

https://www.asian-dawn.com/2020/05/30/man-laughs-and-steals-from-minneapolis-looting-victim/




https://www.posttoday.com/world/625135
https://www.isranews.org/article/isranews/89258-news00-24.html

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

Jun 4 , 2020 คณะทำงานสอบทุจริตการบินไทยขอเดินหน้าต่อ แม้หลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมพบพิรุธรายได้ขายตั๋ว – ค่าขนสัมภาระปี 2562 ไม่สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสาร
.
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริต บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าการบินไทยจะเปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทเอกชน กรณีกระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นให้ต่ำกว่า 50% และหลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ทางคณะทำงานชุดดังกล่าวยังจะเดินหน้าตรวจสอบทุจริตการบินไทยต่อ
.
นอกจากนี้คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเป็นคำสั่งของ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงสามารถดำเนินการต่อได้ อีกทั้งเป็นการสอบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การสอบสวน และยังไม่มีการกล่าวหาใครจึงสามารถดำเนินการได้
.
โดยได้เชิญผู้บริหารจากฝ่ายต่างๆ ของการบินไทยมาสอบแล้ว จำนวน 4 ปาก ต้องสอบเพิ่มเติมอีกหลายปาก คาดว่าจะได้ผลสรุปภายใน 150 วัน หรือภายใน ส.ค.นี้ หากผลสอบพบว่ามีมูลการทุจริต คณะทำงานจะสรุปเรื่องเสนอให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาก่อน จากนั้นจะต้องส่งเรื่องต่อให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
.
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อาจมีการเสนอข้อมูลให้ตรวจสอบ เบื้องต้นมี 2 หน่วยงาน คือ
.
1.ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
2.ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะส่งเรื่องให้ทั้ง 2 หน่วยดำเนินการ
.
รายงานจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ข้อมูลที่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริตการบินไทย ได้ดำเนินการตรวจสอบ เบื้องต้นเป็นประเด็นที่สร้างความเสียหายกับการบินไทย ส่งผลกระทบต่อรายได้ อาทิ การขายตั๋ว การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมไปถึงโครงสร้างการบริหารที่มีความทับซ้อน
.
สำหรับข้อมูลที่สามารถรวบรวมได้ และมีแนวโน้มนำไปสู่การทุจริต คือ ข้อมูลการขายตั๋วโดยสารของการบินไทย ในปี 2562 พบว่ามีรายได้จากการขายตั๋ว และค่าขนสัมภาระ รวมอยู่ราว 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ปริมาณผู้โดยสาร มีจำนวน 25.4 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าค่าโดยสารต่อหัวเฉลี่ยของการบินไทยต่ำอยู่ที่ประมาณ 6,081 บาทต่อคน ถือว่าน้อยมาก และไม่สอดคล้องกับราคาตั๋วโดยสารที่แท้จริง
.
#การบินไทย #กระทรวงคมนาคม #สอบสวน #พิรุธ #Misterban

 

Jun 4 , 2020 “อนุทิน ชาญวีรกูล”วอนอย่าตัดงบกระทรวงสาธารณสุข หลังคาดว่าวงเงิน 45,000 ล้านบาทอาจไม่เพียงพอป้องในการกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองแผนงานและโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข แก้ปัญหาการระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้พิจารณากำหนดกรอบวงเงินการใช้งบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท จากพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยกำหนดแนวทางกรอบการใช้เงินเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
.
1.เพิ่มค่าตอบแทน อสม.คนละ 500 บาท จำนวน 1,050,000 คน เป็นเวลา 19 เดือน วงเงิน 10,000 ล้านบาท
.
2.ค่าใช้จ่ายการตรวจรักษา ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโควิด โดย สปสช.(สิทธิบัตรทอง) วงเงิน10,000 ล้านบาท ตามสิทธิที่มีการประกาศไปแล้วให้สิทธิคนไทยทุกคนตรวจรักษาโควิด-19 ฟรี ในจำนวนนี้จะต้องเตรียมไว้รองรับประชาชน ซึ่งถูกเลิกจ้าง เป็นผู้ว่างงาน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสิทธิประกันสังคมมาใช้สิทธิบัตรทอง เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000,000 คนด้วย
.
3.ค่าใช้จ่ายที่ต้องสำรองไว้กรณีเกิดเหตุระบาดในช่วง 16 เดือน จัดหา วัคซีน ยา เวชภัณฑ์ และเบี้ยเลี้ยงสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ค่าใช้จ่ายในการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศไทย หรือค่าที่พัก State quarantine และการพัฒนาระบบไอที บริการประชาชน และผู้ป่วยที่จะใช้บริการของสถานพยาบาล ด้วยความปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ และติดเชื้อ วงเงิน 10,000 ล้านบาท
.
4.ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลทุกระดับ เพื่อรองรับผู้ป่วย และการปรับปรุงระบบงานต่างๆ เพื่อให้การบริการประชาชน มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น วงเงิน10,000 ล้านบาท
.
5.ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความสามารถทางการแพทย์ และระบบสาธารณสุข ที่อยู่นอกกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย และหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจอื่นๆ เช่น โรงพยาบาลกองทัพ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลของกรุงเทพมหานคร เป็นต้นวงเงิน 5,000 ล้านบาท
.
รองนายกฯ กล่าวว่า การกำหนดกรอบวงเงินทั้ง 5 ข้อดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยยึดแนวทางที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนด โดยมีเป้าหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และทำให้ประชาชนปลอดภัยได้มากที่สุด
.
โดยงบประมาณ 45,000 ล้านบาท ที่สภาพัฒน์กำหนดให้ใช้ในการพัฒนาระบบสาธารณสุข เป็นเงินที่ไม่มากเลย เมื่อนำมาจัดกรอบวงเงินตามภารกิจแล้ว ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่า เงินจำนวนนี้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ดูแล ป้องกันควบคุมโรคทุกพื้นที่และบริการประชาชนทั้งประเทศ จนถึงกันยายน 2564
.
แต่เท่าที่ทราบจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการฯ หน่วยบริการต่างๆ ทั้งในกระทรวงสาธารณสุข และนอกกระทรวงสาธารณสุข เสนอโครงการขึ้นมาจำนวนมาก และเกินวงเงิน 45,000 ล้านบาทค่อนข้างมาก ซึ่งทุกโครงการมีความเกี่ยวข้องกับการป้องกัน ควบคุมตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สร้างความหนักใจให้คณะกรรมการฯ ที่ต้องปรับลดวงเงิน หรือตัดโครงการบางโครงการออกไป หรือตัดเครื่องมือแพทย์บางรายการออกไป เพราะโครงการเหล่านั้นมีเป้าหมายเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยและสร้างสุขภาพคนไทย
.
ดังนั้น หากมีความจำเป็นจะไปปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อขอแนวทางในการเพิ่มสัดส่วนงบประมาณ ในส่วนของการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งในการอภิปรายของ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ก็เห็นด้วยว่าควรจะเพิ่มงบประมาณในส่วนของการแพทย์ และการสาธารณสุข เพิ่มขึ้น ถ้าให้เพิ่มไม่ได้ ก็ขอเพียงว่าอย่าตัด เพราะทุกบาทที่ใช้จ่ายในภารกิจการแพทย์ และการสาธารณสุข มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาชีวิตของประชาชน
.
#45000ล้านบาท #อย่าตัดงบ #ไม่เพียงพอ #Misterban

 

Jun 4 , 2020โฆษก ศบค.เตือนเอกชนเปิดลงทะเบียนงานวิ่งช่วงปลายปี มีโอกาสทั้งการได้จัด หรือไม่ได้จัดเลย ดังนั้นขอให้วางแผนการรับมือได้ดี
.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวถึงกรณีมีข้อร้องเรียนว่ามีเอกชนบางรายเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนงานวิ่งในเดือนธันวาคมว่า แม้ทฤษฎีของการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบันจะไม่ตรงกัน มีทั้งไปในทิศทางที่ดีและไม่ดี แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในปัจจุบันของทั่วโลกยังคงเป็นเส้นทแยงขึ้น ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนในประเทศและการรักษาตัวเลขผู้ติดเชื้อ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าปลายปีนี้จะหนักหรือไม่ เพราะอย่างไรก็ต้องรอวัคซีน ดังนั้นเอกชนต้องมีการวางแผนการจัดงานเพื่อรับความเสี่ยงให้ดี เพราะมีทั้งโอกาสที่จะได้จัด หรือไม่ได้จัดเลย
.
ส่วนการเปิดสอนคลาสสอนเต้น ในฟิตเนส ก็ควรยึดหลักปฏิบัติ 5 ข้อทั้งการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่าง หากออกกำลังและยังสามารถสวมหน้ากากได้ก็ควรทำ แต่หากไม่สามารถทำได้เพราะเหนื่อยมากก็ควรเว้นระยะห่างประมาณ 2 เมตร
.
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหาดบางแสนถือเป็นบทเรียนที่ดี ที่ผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่จะได้นำไปแก้ไข ซึ่งร้านค้า ประชาชน และเจ้าหน้าที่จะต้องร่วมมือกัน ซึ่งหากประเมินแล้วว่าควบคุมได้ยาก ก็คงต้องมีการปิดสถานที่แบบหาดบางแสน
.
#งานวิ่ง #ศบค #เอกชน #ไม่ได้จัด #Misterban

 

June 4, 2020 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินทั่วโลก ชี้โรคโควิด-19 กระทบธุรกิจแรงที่สุด
.
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี ได้จัดทำผลสำรวจที่มีชื่อว่า CNBC Global CFO Council พบว่า เกือบ 50% หรือ 48.8% ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน(CFO)จากบริษัทชั้นนำของโลก มองว่าโรคระบาดโควิด-19 มีผลกระทบทางลบกับธุรกิจในปี 2563 นอกจากนี้ มีสัดส่วน 39% มองว่ามีผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจในปีนี้
.
หากมองย้อนกลับไปในผลสำรวจดังกล่าวในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พบว่า มีสัดส่วน 30% ของซีเอฟโอที่มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะรู้ว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ผลสำรวจครั้งล่าสุดนี้ มีซีเอฟโอเพียง 1 รายที่มองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะรู้ว่าผลกระทบกับบริษัทเป็นอย่างไร
.
นอกจากนี้ บรรดาซีเอฟโอส่วนใหญ่ยังมองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในทุกภูมิภาคของโลกลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบราซิล และละตินอเมริกาที่จะมีตัวเลขจีดีพีลดลงอย่างรุนแรง
.
ในด้านความต้องการสินค้าในสหรัฐนั้น 64% ของผลสำรวจซีเอฟโอมองว่า ความต้องการในตลาดสหรัฐอเมริกาลดลง 56.4% มองว่าความต้องการในยุโรปลดลง ขณะที่ 30.8% มองว่าความต้องการในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลง
.
#Misterban #CFO #ไวรัสโควิด #ธุรกิจ

 

June 4, 2020 ตั้งข้อหาอดีตตำรวจยกก๊วนทำเกินกว่าเหตุ ดิเรค โชววิน เข่าสังหารถูกเพิ่มความรุนแรงของข้อหาหนักขึ้น อาจติดคุกนาน 40 ปี

อัยการแห่งรัฐมินนิโซตา เห็นชอบให้ตั้งข้อหากับอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 นาย ได้แก่ นายเจ อเล็กซานเดอร์ กวง นายทู ทาว และนายโธมาส เลน ที่อยู่ในเหตุการณ์จับกุมกับนายจอร์จ ฟรอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีเชื้อชาติแอฟริกัน นอกจากนี้ ยังเพิ่มระดับความรุนแรงของข้อกล่าวหาจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 2 ในข้อกล่าวหาฆาตกรรมกับนายดิเรค โชววิน อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้เข่ากดลำคอของนายจอร์จ ฟรอยด์ นานกว่า 8 นาทีจนเสียชีวิต สำหรับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นนั้น หากศาลตัดสินผิดจริง จะทำให้นายดิเรค โชววิน ต้องติดคุกนาน 40 ปี ในระดับความรุนแรงที่ 2 จากเดิมที่ติดคุก 25 ปี ในระดับความรุนแรงที่ 3

ทั้งนี้ นายจอร์จ ฟรอยด์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม ส่งผลให้เกิดสถานการณ์การชุมนุมประท้วงเหตุการณ์เสียชีวิตของนายจอร์จ ฟรอยด์ เรื่อยมากระทั่งเข้าสู่วันที่ 9 ในคืนที่ผ่านมา (4 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐจับกุมผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่น้อยกว่า 9,000 คนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 รายที่เกิดจากเหตุการณ์ประท้วงอย่างรุนแรงในบางเมือง โดยผู้เสียชีวิตมีทั้งตำรวจ และชาวอเมริกัน ด้านกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ต้องใช้เจ้าหน้าที่มากกว่า 20,000 นายเข้าปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ใน 29 รัฐ

#ประท้วง #ผิวสี #มินนิโซตา #สหรัฐ #เข่าสังหาร #misterban #blm #usa #riots

 

ผู้ประท้วงฝ่าเคอร์ฟิวปักหลักชุมนุมคืนที่ 8
แผนทรัมป์ส่งทหารสลายม็อบถูกจวกเละ

เอเจนซีส์ - ชาวอเมริกันนับหมื่นปักหลักประท้วงในเมืองต่างๆ จำนวนมากทั่วประเทศ เป็นคืนที่ 8 ติดต่อกันในวันอังคาร (2 มิ.ย.) โดยไม่มีทีท่าจะยอมเลิกราง่ายๆ หรือหวั่นไหวกับคำขู่ของ “ทรัมป์” ในการส่งทหารเข้าปราบปราม ซึ่งปรากฏว่าเรียกเสียงวิจารณ์ตำหนิจากทั้งในและนอกประเทศ ขณะเดียวกัน โพลชี้ อเมริกันชนส่วนใหญ่สนับสนุนการประท้วงและไม่เห็นด้วยกับมาตรการรับมือของประธานาธิบดีผู้นี้

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000057785

#ม็อบต้านเหยียดผิวสี #สหรัฐฯ

 

จีนกดดันอังกฤษ!! เจอ ‘แรงโต้กลับ’ แน่
หลังคุยพันธมิตร ‘Five Eyes’ วางแผนรับ ‘ฮ่องกง’ ที่จะลี้ภัย

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เผยได้มีการพูดคุยกับชาติพันธมิตรในกลุ่ม ‘Five Eyes’ ซึ่งนอกจากอังกฤษแล้ว ยังประกอบด้วย สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประเทศเหล่านี้จะเปิดประตูต้อนรับพลเมืองฮ่องกง ในกรณีที่จีนเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจนก่อให้เกิดการอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน อย่างไรก็ตาม ด้านปักกิ่งออกมายื่นประท้วงอย่างรุ่นแรงในเรื่องนี้แล้ว โดยระบุว่าเป็นการ “ก้าวก่ายแทรกแซงอย่างเลวร้าย” ในกิจการภายในของแดนมังกร

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000057790

#จีน #ฮ่องกง #อังกฤษ #สหรัฐฯ #แคนาดา #ออสเตรเลีย #นิวซีแลนด์ #FiveEyes

 

"ฟิน" แห่ง Star Wars ร่วมประท้วงต้านเหยียดผิว!
ลั่นถ้าอาชีพนักแสดงต้องจบลงเพราะเรื่องนี้ก็ไม่แคร์
.
"จอห์น โบเยกา" แห่ง Star Wars ร่วมประท้วงการเหยียดผิวในกรุงลอนดอน โดยดาราหนุ่มวัย 28 ปี กล่าวในช่วงหนึ่งว่าหากอาชีพของเขาจะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง เขาก็ไม่แคร์แต่อย่างใด
.
จากจุดเริ่มต้นในสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการเหยียดผิว และการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ได้เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ๆ ของหลายประเทศ รวมถึงกรุงลอนดอน ที่มีการเคลื่อนไหวแสดงพลังครั้งใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
.
โดยสถานการณ์ในสหราชอาณาจักรก็เริ่มรุนแรงเช่นเดียวกัน แม้นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน จะออกมาประณามการฆาตกรรม จอร์จ ฟลอยด์ แต่การที่เขาเลี่ยงที่จะตอบเกี่ยวกับจุดยืนการเป็นพันมิตรกับ ดอนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้ผู้นำของอังกฤษโดนวิจารณ์อย่างหนัก
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000057850
#mgronline #จอห์นโบเยกา #ดารา #ร่วมประท้วง #ต้านเหยียดผิว #สหรัฐอเมริกา